FootNote:บทบาทรัฐสภาปัญหาไวรัส บทบาทรัฐบาลและฝ่ายค้าน
การแสดงบทบาทของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะใช้เวทีของรัฐสภาเป็นเครื่องมือในการหาทางออกให้กับ”วิกฤต”จากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 กำลังถูกท้าทายเป็นอย่างสูง
ไม่เพียงแต่ท้าทายจากสำนึกทางการเมืองของของรัฐบาล หากแต่ยังเป็นสำนึกทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล
เพราะปัญหาอันเนื่องแต่ไวรัส โควิด-19 มิได้เป็นปัญหาเล็กๆ
จะอาศัยเพียงสารจากนายกรัฐมนตรี “ขอความร่วมมือ”จากทุก ภาคส่วนในการเผชิญกับปัญหาอันเป็น “วิกฤต” เท่านั้นไม่น่าจะเพียงพออีกแล้ว
หากมีความจำเป็นต้องระดมพลังทั้งปัญญาและความคิดจากทุกภาคส่วนเข้ามาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แท้จริงแล้วนี่คือภาระธุระของรัฐบาลและของพรรคร่วมรัฐบาล
ความคับแคบอันสะท้อนออกมาจากพรรคอันเป็นแกนนำของรัฐบาลยืนยันให้เห็นอย่างเด่นชัดไม่เพียงแต่ว่ายังมิได้ตระหนักว่าปัญหาหนัก หนาสาหัสเพียงใด
Advertisement
หากแต่ยังสะท้อนด้วยว่ากรรมวิธีในการบริหารจัดการกับปัญหา อันเป็น”วิกฤต”นั้นเป็นอย่างไร
ยิ่งหากมองจากสภาพความเป็นจริงที่เมื่อผนวกรวมทั้งเสียงในสภาผู้แทนราษฎรและเสียงในวุฒิสภาเข้าด้วยกัน รัฐบาลคือผู้กุมเสียงข้างมาก
ยิ่งไม่เข้าใจว่าฝ่ายรัฐบาลจะหวาดกลัวเสียงข้างน้อยของพรรคร่วมฝ่ายค้านไปทำไม
ความจริงรัฐบาลน่าจะเป็นฝ่ายริเริ่มในการเสนอขอให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญด้วยตนเองด้วยซ้ำ
แทนที่จะกลายเป็นภาระธุระของพรรคร่วม”ฝ่ายค้าน”
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ไม่ว่าจะมองระดับโลก ไม่ว่าจะมองระดับเฉพาะส่วนของประเทศไทย ถือว่าร้ายแรงและอันตรายอย่างยิ่ง
คำถามมิได้อยู่ที่ว่าประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้าของโรคระบาดที่ยังไม่มีสัญญาณจะหยุดนิ่งอย่างไร
หากแต่ยังอยู่ที่ว่าจะตระเตรียมรับมือหลังจากนั้นอย่างไรอีกด้วย
สภาพที่ประชาชนเห็นจังหวะก้าวและกระบวนการจัดการกับปัญหานับแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาต้องยอมรับว่ามีปัญหา
สมควรอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องออกปากให้ทุกฝ่ายเข้ามาช่วย