FootNote:ความขัดแย้ง แหลมคม การเมือง ‘ประยุทธ์’ กับ ‘พลังประชารัฐ’
การขยาย ‘กรอบ’ แห่งความขัดแย้งระหว่าง 1 นายกรัฐมนตรี กับ 1 พรรคพลังประชารัฐ กำลังสร้างความวิตกเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
ไม่เพียงแต่ ‘ภายใน’ พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น หากยังเป็นความกังวลโดยรวมของพรรคร่วมรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ต่างมองไปยังการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยความวิตก
ยิ่งการเดินสายในลักษณะแยกกันเดินในวันที่ 22 กันยายน ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเพชรบุรี ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปพระนครศรีอยุธยา ยิ่งยากต่อการคาดเดา
ผลก็คือ ข่าวลือในเรื่อง ‘ยุบสภา’ ยิ่งดังกระหึ่ม ต่อเนื่อง
เพราะว่าไม่ว่านายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถสร้างเอกภาพภายในพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ สุดท้ายแล้วที่จะต้องเลือกคือการยุบสภา
ความหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่งก็คือ ความไม่สามารถในการจำกัดกรอบแห่งความขัดแย้งดำรงอยู่เพียงระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ตรงกันข้าม กลับกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเด่นชัด
แม้ว่าจะมีการหาทางด้วยการแต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขึ้นเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ เหมือนจะมี ‘คนกลาง’ เพิ่มขึ้นมา แต่ก็ต้องคำนึงถึงฐานที่มาในการแต่งตั้ง
เพราะว่าเป็นการผลักดันโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ด้วยความเห็นชอบอย่างเต็มเปี่ยมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
จากนี้จึงเด่นชัดว่าความขัดแย้ง อันเกิดจากความต้องการสร้างอำนาจต่อรองภายในพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กำลังบานปลายกลายเป็นปมชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นั่นก็คือ บ่งชี้อนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทางการเมือง
โดยจะนำไปสู่คำถามที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังอยู่ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
นี่ย่อมเป็นความอ่อนไหวอย่างสูงในทางการเมือง
