FootNote : อนาคตของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา บนฐานค้ำ ประวิตร วงษ์สุวรรณ

นับแต่สถานการณ์ ‘ปลด’ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้พ้นจากการเป็นรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กันยายน เป็นต้นมา สถานะทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เข้าการทดสอบอันแหลมคมยิ่ง

เป็นการทดสอบแม้ว่าจะยังดำรงตำแหน่งเป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ อยู่ในสถานะแห่ง ‘ผู้นำ’ อำนาจบริหาร

ทุกก้าวย่างเหมือนกับมี ‘ระเบิด’ รออยู่จำนวนมากมาย

การเดินสายเพื่อตรวจราชการอันเป็นงานตามปกติของนายกรัฐมนตรี ก็มากด้วยความร้อนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏขึ้นในวันเดียวกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

จำนวน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ไปรอต้อนรับระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มิได้เป็นเพียงจำนวนนับ หากแต่บ่งชี้ถึงสถานการณ์ในสภาเบื้องหน้า

เหตุการณ์เขย่าขวัญเหมือนวันที่ 4 กันยายน มีโอกาสเกิดขึ้นได้

เพราะมีกฎหมายจำนวนไม่น้อยรออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายว่าด้วยการกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในเรื่องของโควิด

หากดูจากการประลอง ‘พลัง’ อันต่อเนื่องจากกรณีสมุทรปราการ ชัยนาท ชลบุรี เรื่อยมาจนถึงกรณีเพชรบุรี และพระนครศรีอยุธยา จะทำให้เกิดคำถามอันแหลมคมทางการเมือง

หากที่สมุทรปราการ ชัยนาท ชลบุรี มากด้วยความอบอุ่นแล้ว เหตุใดจึงเกิดสภาพอย่างที่เห็นระหว่างเพชรบุรีกับพระนครศรีอยุธยา

สถานการณ์ที่เพชรบุรีอาจยังรักษาภาพเหมือนกับที่เห็นในสมุทรปราการ ชลบุรี นั่นคือแวดล้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และนายสุชาติ ชมกลิ่น

แต่เมื่อมองไปยังพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่เพียงแต่ดึง นายสันติ พร้อมพัฒน์

หากแต่ยังมี ส.ส.แวดล้อมมากกว่า 50 คนอบอุ่นอย่างยิ่ง

จำนวนของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มากกว่า 50 คนเช่นนี้นี่เอง คือหลักประกันสร้างความมั่นใจว่า หากมีร่างพ.ร.บ.ที่เสนอโดยรัฐบาลเข้าไปพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาผลจะออกมาเป็นอย่างไร

จำนวน ‘กล้วย’ ย่อมมิใช่เป็น ‘หวี’ หากแต่ต้องเป็นทั้ง ‘เครือ’

สภาพการณ์เช่นนี้สวนทางกับความรู้สึกโดยพื้นฐานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่แล้ว แต่ก็ยากยิ่งที่จะปัดปฏิเสธ

เพราะหมายถึง ‘หลักประกัน’ อนาคตทางการเมืองของตน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน