FootNote : ก้าวใหม่ ก้าวใหญ่ ภูมิใจไทย ปลูกจิตสำนึก ความเป็นไทย
การขับเคลื่อนแนวทาง “ปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย” ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล อาจเริ่มจากพื้นฐานแห่งความเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
แต่ด้วยเวลาอันสั้นก็ปรากฏเสียงขานรับจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และการวิจัย
ไม่เว้นแม้แต่เสียงดังกังวานจากกระทรวงแรงงาน
รูปธรรมมิได้สัมผัสผ่านตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และการวิจัย ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
หากแม้กระทั่งตัวปลัดกระทรวงก็ประสานเสียงแถลงสำนองจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาและการวิจัย กระทรวงแรงงาน
กรอบแห่ง “การปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย” จึงมิได้มีแต่เพียง บรรดาเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา หากแม้กระทั่งกระบวนการในการรับข้าราชการก็ไม่ละเว้น
นี่คือท่วงทำนองใหม่อันมาจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ขณะเดียวกัน ก็เป็นท่วงทำนองใหม่ของพรรคภูมิใจไทยด้วย
ต้องยอมรับว่าในกระแสแห่งการแข่งขันทางการเมืองระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย มีความจำเป็นต้องสร้างทางเลือกใหม่ให้กับสังคมและประชาชน
เป็นไปไม่ได้ที่พรรคภูมิใจไทยจะเลือกหนทางอย่างเดียวกันกับพรรคก้าวไกลอันต่อเนื่องมาจากพรรคอนาคตใหม่
ขณะเดียวกัน ก็ต้องสร้าง “จุดต่าง” ไปจากพรรคเพื่อไทย
หากพรรคภูมิใจไทยทำตัวละม้ายเหมือนกับพรรคเพื่อไทยเนื่องจากเคยอยู่พรรคไทยรักไทยและเคยร่วมอยู่กับพรรคพลังประชาชน โอกาสของพรรคภูมิใจไทยก็ย่อมจะริบหรี่
พรรคภูมิใจไทยจำเป็นต้องชูประเด็น “การปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย” ให้โดดเด่นกลายเป็นเอกลักษณ์เพื่อสร้างให้เป็นหนทาง “เลือก” ในทางการเมือง
ความต่างต่างหากที่จะสะท้อนเอกลักษณ์พรรคภูมิใจไทย
พื้นฐานของพรรคภูมิใจไทยมีความแตกต่างกับพรรคก้าวไกลซึ่งต่อยอดจากพรรคอนาคตใหม่อย่างยิ่งยวดอยู่แล้ว ปมเงื่อนจึงอยู่ที่จะสร้างความแตกต่างกับพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร
ความแตกต่างนี้จึงต้องอยู่บนฐานแห่ง “อนุรักษนิยม” เท่านั้น
นั่นก็คือ การต่อยอดจากรากฐานที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรคไทยภักดี เคยเป็นจุดขายในตลาดการเมือง
มีแต่ “การปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย” ขึ้นมาเป็นธงนำเท่านั้นตัวตนของพรรคภูมิใจไทยจึงจะโชติช่วงเปล่งประกาย
