FootNote:บทบาท แห่ง “มหาเถรสมาคม” ปรากฏการณ์ อาจารย์น้องไนซ์
เด่นชัดยิ่งว่า ปรากฏการณ์ “อาจารย์น้องไนซ์” ได้ยกระดับและพัฒนากลายเป็นประเด็นแห่งความขัดแย้งอันแหลมคมมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับในทางศาสนา
ไม่ว่าจะมองในด้านทฤษฎี ความเชื่อ ความคิด ไม่ว่าจะมองในด้านรูปธรรมทางการปฏิบัติ
มิได้เป็นเรื่องจำเพาะเพียง “กลุ่ม” หากเป็นเรื่อง “สาธารณะ”
ไม่ว่าจะเป็นการเสนอทฤษฎี ความเชื่อ ในเรื่อง “สมาธิเชื่อมจิต” ไม่ว่าจะเป็นการเสนอสถานะชั้นแห่งการปฏิบัติว่าอยู่ในระดับอนาคามี อันถือว่าเป็นเรื่องเร้นลับรู้เฉพาะตัว
ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏข่าวสารออกมาอย่างเป็นหลักฐานในเชิงประจักษ์ว่า มีการจัดกิจกรรมเพื่อการเชื่อมจิตตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ที่อาคารCT แจ้งวัฒนะ
ปรากฏว่ามีข่าวจากบางแหล่งข่าวยืนยันว่าในจำนวน 3,000 คนที่เข้าร่วมนั้น คิดค่าเชื่อมจิตคนละ 2,500 บาท เป็นจำนวนเงินทีสูงถึง 7,500,000 บาท
ไม่ว่าในเรื่อง “การเชื่อมจิต” ไม่ว่าในเรื่องการเสียเงินเพื่อเข้าร่วมใน “ปฏิบัติการ” ยังเสมอเป็นข้อกล่าวหา ดำรงอยู่อย่างเป็นข่าว
ข่าวถึง “มหาเถรสมาคม” ข่าวถึง “สำนักพระพุทธศาสนา”
โดยพื้นฐานแล้วสังคมควรให้ความเป็นธรรมกับตัว “อาจารย์น้องไนซ์” ขณะเดียวกัน องค์กรซึ่งทำหน้าที่ในการรักษาพระพุทธศาสนาก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบ
ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานมหาเถรสมาคม
ในเบื้องต้นรัฐมนตรีที่กำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อาจมีความเห็นว่ามิได้เป็นการในความรับผิดชอบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
แต่คำถามโดยตรงไปยังสำนักงานมหาเถรสมาคมซึ่งอุดมไปด้วย “มหาเถร” ที่ผ่านประสบการณ์ทั้งในทางปริยัติและในทางปฏิบัติมา โดยตนจะไม่เกิดคำถามขึ้นเชียวหรือ
ในเมื่อเป็นเรื่องของ “สมาธิ” ในเมื่อเป็นเรื่องของการเชื่อมที่ยืนยันว่ามีอยู่ใน “ไตรปิฎก” ความเชื่อนี้เป็นจริงหรือไม่ เพียงใด
วิวาทะระหว่างพุทธศาสนิก ไม่ว่าจะเป็นสมณะ ไม่ว่าจะเป็นฆราวาส เป็นธรรมชาติอันดำเนินไปในกระสวนแห่ง “ตถตา” หรือเป็นเช่นนั้นตามสภาวธรรมอันดำรงอยู่
กระนั้น สภาวะนี้ก็จำเป็นต้องมีคำตอบ มีคำอธิบาย
ขณะเดียวกัน คำอธิบายนั้นจำเป็นต้องยึดโยงอยู่กับแนวทางและหลักการอันยึดโยงอยู่ กับกระบวนการแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างน้อยก็ต้องตรวจสอบผ่าน “พระไตรปิฎก”
อย่างน้อยก็เพื่อความบริสุทธิ์แห่งฐานความคิดฐานความเชื่อของ “อาจารย์น้องไนซ์” ว่าเป็นจริงเพียงใด
