FootNote รางวัล สมศักดิ์ เทพสุทิน ยุติธรรม มา สาธารณสุข
เมื่อมีความเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับในการปรับเปลี่ยนการกำกับและการเข้าไปดูแลงานของกระทรวงสาธาณสุขในความรับผิดชอบของรองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
สังคมก็เริ่มเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว สิ่งซึ่งเกิดขึ้นเป็นการขยายพื้นที่ความรับผิดชอบ แสดงถึงความไว้วางใจในทางการเมือง
การย้าย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีเข้าไปกำกับและดูแลงานกระทรวงยุติธรรม (ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิ เศษ) มีเป้าหมายที่แจ่มชัดแน่นอนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน การโยก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีเข้ามากำกับและดูแลงานของกระทรวงสาธารณสุขก็มีเป้าหมายที่แจ่มชัดแน่นอนหนึ่งของรัฐบาล
เนื่องจากระยะกาลใกล้เคียงกันนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่เพียงแต่ได้รับความไว้วางใจให้ไปดูในเรื่อง “ระบบยาแห่งชาติ” หากแต่ยังได้รับความไว้วางใจให้ไปดูสำนักงานสสส.
สำนักงานสสส.ที่สะสมเงินจำนวนมหาศาลจากที่หักมาจากภาษีที่เรียกกันว่าเป็น “ภาษีบาป” เมื่อประสานเข้ากับการกำกับดูแล “ระบบยาแห่งชาติ” ก็เกิดความทะลุปรุโปร่ง
จึงดำเนินไปอย่างสอดรับกับโครงการ “สุขภาพแห่งชาติ”
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่มอบหมายงานและความรับผิดชอบใหม่ให้กับรองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จึงเท่ากับเป็น บำเหน็จ เป็นรางวัลและบรรณาการ
เพราะ “ผลงาน” ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีความเด่นชัด
เด่นชัดตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ และดำเนินการผลักดันให้เกิดกฎกระทรวงในเรื่องผู้ถูกคุมขังตั้งแต่ปี 2563
นั่นประสานและสอดรับกับการเสนอให้ประกาศที่คุมขังให้กับผู้ต้องโทษพร้อมกับติดกำไลอีเอ็ม เพื่อแก้ปัญหามีผู้ต้องโทษมากมายจนล้นเรือนจำ
และเมื่อมีการเคลื่อนไหวปรับเปลี่ยนทางการเมือง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐมาอยู่ในร่มธงแห่งพรรคเพื่อไทย
เมื่อภารกิจทางการเมือง “บรรลุ” ก็ย่อมได้รับ “รางวัล”
บรรดาแฟนานุแฟนของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีความเชื่อมั่นสูงเป็นอย่างสูงยิ่งว่าบำเหน็จที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะได้มีมากกว่าการกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขด้วยซ้ำ
อาจไกลถึง “เกษตรและสหกรณ์” อาจไกลถึง “มหาดไทย”
เนื่องจากผลงานของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จากพรรคพลังประชารัฐมายังพรรคเพื่อไทยมีความสัมพันธ์และยึดโยงกันอันเห็นเป็นที่ประจักษ์จากวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เป็นต้นมา
เป็นรางวัลสำหรับ “ผู้กล้า” ทางการเมืองอย่างเป็นการเฉพาะ