FootNote แนวร่วม เพื่อไทย ภูมิใจไทย จับมือ แข่งขัน ชิง “ก้าวไกล”
คำประกาศของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยียนมวลชนของพรรคเพื่อไทยที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยกำหนดอุดรธานีเป็นจังหวัดแรก ทรงความหมาย
ทรงความหมายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่จังหวัดเชียงใหม่
เด่นชัดยิ่งว่าภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสำคัญ
กล่าวสำหรับภาคเหนือที่ถือว่าเชียงใหม่เป็นยุทธภูมิแรกมิได้อยู่ที่เป็นจังหวัดอันเป็นบ้านเกิด หากแต่ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือน พฤษภาคม 2566 ได้กลายเป็นจุดอ่อน
จากการที่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ยึดครองเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง กลับถูกแย่งชิงไป 7 เขตโดยพรรคก้าวไกล 1 เขตโดยพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่พรรคเพื่อไทยรักษาพื้นที่ไว้ได้เพียง 2 เขต
จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างความมั่นใจไม่ว่าในการเลือกตั้งนายกอบจ. ไม่ว่าในการเลือกตั้งสส. ขณะเดียวกัน การรุกเข้าไปในพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือยิ่งจำเป็นมากกว่า
เหมือนกับต้องการสกัดพรรคก้าวไกลทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง เป็นพรรคภูมิใจไทยมากกว่า
Advertisement
ต้องนำเอาผลการเลือกตั้งจำนวน 133 เขตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาศึกษาอย่างจริงจัง แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือก 73 อันถือว่ามากที่สุด
ในจำนวน 73 สส.ที่พรรคเพื่อไทยได้มาที่ต้องให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษคือจำนวน 35 สส.ของพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่จำนวน 7 สส.ของพรรคก้าวไกลน้อยนิดเป็นอย่างยิ่ง
มองอย่างจำแนกแยกแยะไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ล้วนได้ชัยชนะจากพื้นฐานของบ้านใหญ่ทั้งสิ้น ต่างแบ่งเขตกันยึดครองเป็นอีสานเหนือ อีสานใต้
จำนวนสส.ที่ลดลงของพรรคเพื่อไทยมิได้มาจากพรรคก้าว ไกล หากแต่มาจากการเกิดขึ้นของพรรคไทยสร้างไทย และการรุกอย่างต่อเนื่องของพรรคภูมิใจไทย
สถานะทางการเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพรรคก้าวไกลจึงเหมือนพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ
ความละเอียดอ่อนของแต่ละพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำ ให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยจำเป็นต้องต่อสู้เอาชนะกัน
ด้านหนึ่ง ร่วมมือกัน ด้านหนึ่ง ก็ต้องแข่งขันกัน
การเสนอยุทธวิธีต่อสู้กับ “บ้านใหญ่” จึงวางเป้าหมายการต่อสู้ไม่เพียงแต่กับพรรคเพื่อไทย หากแต่เป็นพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติด้วย
ปมเงื่อนอยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะสามารถสร้างพันธมิตรภายในพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อโดดเดี่ยวและกำจัดพรรคก้าวไกลอย่างไร
