บทบรรณาธิการ

ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ดำเนินคดีกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่รวม 5 รูป ในความผิด 4 ข้อหา กรณีเงินงบประมาณสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมและเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำนวน 70 ล้านบาท

ในจำนวนนี้มี 3 รูปเป็นพระสังฆาธิการชั้นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต ระดับเจ้าคณะ เจ้าคณะภาค และกรรมการมหาเถรสมาคม อีก 2 รูป เป็นพระราชาคณะชั้นราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง

เนื่องจากเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2558 จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการ

ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของป.ป.ช.

สําหรับกรณีที่เกิดขึ้น สืบเนื่องมาจากการสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณอุดหนุนและพัฒนาวัด ซึ่งป.ป.ช.ได้ชี้มูลผู้บริหารระดับสูงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้วไปก่อนหน้านี้

แต่คดีนี้ นำมาซึ่งความสงสัย แปลกใจในหมู่ประชาชน เนื่องจากมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งที่ผ่านมาก็ไม่ปรากฏว่าได้สอบสวนผู้ถูกกล่าวหาอย่างไร หรือไม่

การเบิกจ่ายและใช้งบประมาณการศึกษาพระปริยัติธรรม และการเผยแผ่พระพุทธศาสนานี้มีเจตนาโสณทุจริตเป็นหรือไม่ยังไม่แจ่มชัด แต่เมื่อเป็นคดีแล้ว ก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป








Advertisement

แต่ต้องให้เป็นธรรมอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ในส่วนของคณะสงฆ์เอง โดยเฉพาะมหาเถรสมาคมนั้น เพื่อแสดงความโปร่งใส ก็ต้องเปิดทางอำนวยความสะดวกให้ตรวจสอบอย่างเต็มที่ และยึดหลักพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง

ขณะเดียวกัน ในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็สมควรเร่งพิจารณาว่ามีมูลพอที่จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนหรือไม่ หรือต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังจะต้องดำเนินการด้วยมาตรฐานเดียวกันกับคดีอื่นๆ เพราะในช่วงหลัง ป.ป.ช.ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในเรื่องความเที่ยงธรรม เป็นกลาง และโปร่งใส

ส่วนคดีนี้ ผลสรุปจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้เป็นไปตามพยาน หลักฐาน ข้อเท็จจริง และเจตนา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน