“บิ๊กตู่” ดันไทยศูนย์กลางโลจิสติกส์ ขอบคุณ “สี จิ้นผิง” สนับสนุนคนจีนมาเที่ยวไทยเพิ่ม

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. เวลา 08.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงปักกิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเข้าร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 2 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของจีนตั้งแต่ปี 2556 มีประเทศสมาชิก 122 ประเทศ มีมูลค่าการค้าระหว่างกันในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ประมาณ 936 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 9.1 ส่วนการลงทุนร่วมกันกว่า 28 พันล้านดอลลาร์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่วมประชุมครั้งนี้ในฐานะผู้นำรัฐบาลไทยและประธานอาเซียน มีโอกาสกล่าวในการประชุมระดับสูงและการประชุมโต๊ะกลม เน้นย้ำ 1. การส่งเสริมความเชื่อมโยงทุกมิติทั้งในอนุภูมิภาคและในภูมิภาค บนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจ เปิดกว้าง โปร่งใส เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ 2.ขยายความร่วมมือตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และในเขต EEC เขื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ 3. ผลักดันความเชื่อมโยงจีนกับอาเซียนแบบไร้รอยต่อในเขตกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊าและพื้นที่สามเหลี่ยมแม่น้ำจูเจียง

“ในโอกาสนี้ที่ประชุมออกแถลงการณ์ร่วมภายหลังแลกเปลี่ยนความเห็นของทุกประเทศที่อยู่ในเส้นทางสายไหม ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการพันาเศรษฐกิจ การสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยเห็นพ้องกันใน 5 มิติ คือ 1. สร้างความร่วมมือระกับนโยบายด้านการค้า การลงทุน ภาษี ดิจิทัล 3.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก เรือ อากาศ โดยต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้พลังงานสะอาด และต้องสอดคล้องกับการพัฒนาของสหประชาชาติด้วย 4. การสร้างความเข้มแข็งและสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติอย่างจริงจัง มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาด้านเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ การแลกเปลี่ยนระดับประชาชน การศึกษาและเยาวชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างการประชุม BRI ได้พบพูดคุยกับผู้นำหลายประเทศ และได้พบหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน นายหลี่ เค่อเฉียงและนายหาน เจิ้ง รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่อง BRI โดยตรง โดยเน้นความร่วมมือด้นดิจิทัล นวัตกรรม ความร่วมมือโครงการรถไฟระหว่างจีนและญี่ปุ่น ผลักดันความสัมพันธ์ไทย-จีนด้านยุทธศาสตร์ให้เป็นรูปธรรม และให้เชื่อมโยงกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และ BRI ยืนยันบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียน ที่เน้นย้ำความร่วมมือร่วมใจ ก้าวไกลและยั่งยืน

“ผู้นำทุกประเทศมีความพอใจและเห็นพ้องกันว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างกันดีที่สุด เพราะมีความร่วมมือหลายอย่างเกิดขึ้น แต่ละประเทศฝากให้ประเทศสมาชิกดูแลนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุน ผมขอบคุณจีนที่ส่งนักท่องเที่ยวมาไทยกว่า 10 ล้านคนแล้ว ซึ่งท่านประธานาธิบดีก็พร้อมจะสนับสนุนให้คนจีนมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น ซึ่งผมยืนยันว่าจะดูแลนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจีนอย่างดีที่สุด พร้อมตั้งเป้าหมายการค้าการลงทุนร่วมกันให้ได้จำนวน 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2564” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการรถไฟสายประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ-หนองคายที่ขณะนี้คืบหน้าไปมากแล้วและจะเริ่มก่อสร้างเมื่อการดำเนินการ ทุกอย่างพร้อม ซึ่งโครงการดังกล่าวไทยเป็นผู้ลงทุนเอง ใช้วัตถุและแรงงานไทย แต่จะใช้เทคโนโลยีของจีน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จีนที่ลงทุนในลักษณะนี้ และโดยผ่านจากหนองคาย เข้าไปกรุงเวียงจันทน์ของลาว ต่อไปในเมืองยูนนานทางใต้ของจีน เป็นรถไฟระหว่างประเทศสายแรก โดยจะลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างไทย-ลาววันนี้ (27 เม.ย.)

“เป็นความสำเร็จแรกที่สำคัญในความเขื่อมโยงตามโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางของจีน ซึ่งจะทำให้ทุกภูมิภาคมีความเชื่อมโยงกันทั้งอาเซียน เอเชีย ยุโรปและแอฟริกา โลกเปลี่ยนแปลงแล้ว เราต้องปรับตัว ต้องทำให้ดีที่สุด ให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ลดความหวาดระแวง ผลประโยชน์ที่เป็นธรรม เพราะเราอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะขณะนี้โลกแคบลงด้วยความเชื่อมโยงในทุกมิติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน