‘ทวี’ อัด ‘วิษณุ’ เปิดช่อง หนุนคนรุกป่า คืนแล้วไม่ผิด ชี้ “นายกฯ-รมต.-ป่าไม้” ต้องโดนด้วย

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คำพูดที่ชาญฉลาดเรื่องที่ดินส.ป.ก.ของ “รองวิษณุ” จะเป็นการส่งเสริมให้คนบุกรุกป่าได้!! เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เรื่องของที่ดินส.ป.ก. ว่า

“ที่ดินส.ป.ก.นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าพื้นที่นั้นเป็นที่ดินส.ป.ก.หรือไม่ ซึ่งถ้าใช่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเหมือนสมัยก่อนที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้คืนไปแล้วก็จบ…”

กรณีผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถือครองที่ไม่ประสงค์เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน หรือไม่อาจได้รับสิทธิ์จากการปฏิรูปที่ดินได้ จะต้องออกจากที่ดิน หากไม่ออกจากที่ดิน ตามที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแจ้ง ก็อาจต้องรับผิดทางอาญาฐานบุกรุกที่ดินรัฐ

พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 26 บัญญัติว่า “เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินใช้บังคับในท้องที่ใดแล้ว

(4) ถ้าเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติส่วนใดแล้ว เมื่อส.ป.ก.จะนำที่ดินแปลงใดในส่วนนั้นไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้พ.ร.ฎ.กำหนดเขตปฏิรูปที่ดินมีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในที่ดินแปลงนั้น…”

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

 

ตามข้อกฎหมายข้างต้น สามารถแยกเป็น 2 กรณี คือ

กรณีที่ 1 เมื่อส.ป.ก.ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แจ้งให้ผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นผู้ที่ไม่ประสงค์เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน หรือเป็นผู้ไม่สามารถได้รับสิทธิจากการปฏิรูปที่ดินได้ ออกจากที่ดิน และบุคคลนั้นยินยอมออกจากที่ดิน ก็จะไม่มีความผิดทางอาญาฐานบุกรุกที่ดินรัฐ และส.ป.ก.ก็สามารถจะนำที่ดินแปลงนั้น มาจัดที่ดินให้แก่บุคคลที่มีคุณสมบัติเกษตรกรตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดต่อไป ซึ่งคำสัมภาษณ์ รองวิษณุ เป็นกรณีนี้

กรณีที่ 2 หากพิจารณาในแง่มุมของสถานะที่ดิน แม้ว่าผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จะได้ส่งมอบที่ดินคืนให้แก่ส.ป.ก.แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากก่อนที่ส.ป.ก.จะได้นำที่ดินมาดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่ดินแปลงนั้นยังไม่ได้ถูกถอนสภาพจากการเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยผลของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินในทันทีแต่อย่างใด

ดังนั้น ผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก่อนที่ส.ป.ก.จะได้ดำเนินการจัดที่ดิน จะมีความผิดตามกฎหมายป่าไม้ เช่น ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีที่ดินที่เป็นฟาร์มไก่ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ จำนวนที่ดิน 682 ไร่ ซึ่งรองวิษณุฯ มีความชาญฉลาดไม่ได้พูดถึงในกรณีที่ 2

ดังนั้น การอ้างว่าเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินก่อนได้รับการประกาศเป็นเขตส.ป.ก. ก็เท่ากับยอมรับว่าบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ป่าสงวนแห่งชาตินั่นเอง คดีนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน แม้ประชาชนก็กล่าวโทษดำเนินคดีได้ ฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และน่าจะเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 มาตรา 97 ด้วย

ในส่วนความผิดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ และเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะกรมป่าไม้นั้น ตามมาตรา 53 รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติว่า “รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด” ทุกท่านเป็น “รัฐ” หากไม่ดำเนินคดีหรือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดก็จะเข้าข่ายความผิดฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิด กับความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต

ถึงแม้ผู้ครอบครองที่ดินจะยอมคืนที่ดินก็มีความผิด แต่เข้าไปครอบครองที่ดินก่อนมีการปฏิรูปให้เป็นที่ ส.ป.ก. ก็เท่ากับเข้าไปบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เป็นความผิดอาญาแล้ว ถ้าถือว่ากรณีคืนที่แล้วไม่มีความผิด ต่อไปทุกคนก็บุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือบุกรุกที่สาธารณะได้ พอมีเรื่องก็ขอคืนที่ดินนั้นเสีย ทั้งที่มีการกระทำผิดสำเร็จแล้ว

เทียบเคียง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14487/2558 , 15189/2558 และ4825/2559

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน