“ปิยบุตร” ฉะคดีอิลลูมินาติ “ไม่ควร” เป็นคดีตั้งแต่แรก ซัดรัฐประหารต่างหาก ที่ล้มล้างการปกครอง ด้าน “ธนาธร” ขอบคุณมวลชน พร้อมสู้การเมืองอย่างสร้างสรรค์ทั้งในสภาและเดินรณรงค์ต่อเนื่องทุกภูมิภาค

วันนี้ (21 ม.ค.) ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า แกนนำพรรคอนาคตใหม่ และส.ส. ได้มารอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ที่ชั้น 8 โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนง รวมทั้งสื่อมวลชนจากต่างประเทศจำนวนมาก มาติดตามสถานการณ์ ขณะเดียวกันมีมวลชนผู้สนับสนุนประมาณ 50 คนมาให้กำลังใจด้วย ซึ่งทางพรรคได้ติดตั้งจอโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดสดการพิจารณาคดี

โดยบรรยากาศภายในห้อง สมาชิกพรรคยังพูดคุยกันด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย ไม่ต่างจากการนัดประชุมพรรคตามปกติ โดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ไม่มีท่าทางเครียด ยังคงยิ้มและหัวเราะตามปกติ

ต่อมาเวลา 12.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่า ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ มวลชนที่สนับสนุนพรรคที่เข้ามารอลุ้นคำวินิจฉัยในที่ทำการพรรค ต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ พร้อมตะโกนว่า “พรรคอนาคตใหม่สู้ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”
เวลา 13.00 น. นายธนาธร พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ อนค. และส.ส.พรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่

โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า เราเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก ยืนยันว่านายธนาธร และพรรคไม่มีความคิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่พวกเราคิดและทำนั้นคือ การรักษาระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงและยั่งยืน เพราะระบอบประชาธิปไตยไม่มีที่ยืนให้รัฐประหาร แต่รัฐประหารต่างหากที่ล้มล้างการปกครองฯ จึงไม่ใช่ประชาชนและพรรคการเมืองที่คิดล้มล้างการปกครอง แต่เป็นกองทัพที่ก่อรัฐประหารต่างหากที่ล้มล้างการปกครองฯ

นายปิยบุตร กล่าวว่า การประชุมสภาในสัปดาห์นี้ ส.ส.ของพรรคได้ยื่นญัตติเข้าไปคือ ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญศึกษาแนวทางการป้องกันการรัฐประหาร เพราะเราเชื่อว่าประชาธิปไตยจะยั่งยืนไม่ได้ หากยังตกในวงจรของการรัฐประหาร ยืนยันเราเดินหน้าทำงานอย่างสร้างสรรค์และเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยยื่นญัตติในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเราเดินหน้าทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ต่อไป

“แม้วันนี้คำร้องยุบพรรคจะถูกยกออกไป แต่ยังมีกระบวนการร้องยุบพรรคทำลายอนาคตใหม่อยู่ เราเชื่อว่าการร้องยุบพรรคและนิติสงคราม ไม่ใช่การทำให้ประชาธิปไตยยั่งยืนได้ มีแต่การเปิดพื้นที่ให้เข้ามาตามกระบวนการเท่านั้นถึงจะพาประเทศไปสู่อนาคตแบบใหม่ได้” นายปิยบุตร กล่าว

เมื่อถามว่าจะฟ้องกลับหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าการร้องเรียนไปมา ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาธิปไตย ขอให้ยุติกระบวนการนิติสงคราม เพื่อมาทำงานน่าจะดีกว่า ส่วนคดีเงินกู้ 191.2 ล้านบาทของพรรคนั้น

เราพร้อมต่อสู้คดีเพราะการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ถูกต้อง ซึ่งคณะอนุกรรมการของกกต.ยกคำร้องไปแล้ว แต่กกต.ก็ยังดำเนินการต่อไป เราได้ฟ้องร้องเป็นคดีอาญาต่อกกต.แล้ว ขณะเดียวกันจะร้องขอให่ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวนเพื่อเรียกเอกสารและพยานบุคคลเข้ามาพิจารณา

“การกู้เงินไม่มีกฎหมายห้าม เพราะมีหลายพรรคกู้เงิน เงินกู้ไม่ใช่ประโยชน์ และเงินกู้ เราได้ทยอยคืนไปบางส่วนและเป็นเงินใช้เพื่อทำกิจกรรมของพรรค จึงมั่นใจว่าเราไม่มีความผิด” นายปิยบุตร กล่าว
เมื่อถามว่าทางพรรคจะแก้ไขข้อบังคับพรรคหรือไม่

นายปิยบุตร กล่าวว่า ประเด็นนี้พรรคยังไม่ได้หารือกัน เพราะจากที่รับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ศาลระบุว่าเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ เลขาธิการ กกต.จะต้องแจ้งมายังพรรค หากเห็นว่าข้อบังคับพรรคคลุมเครือ ไม่ชัดเจน

ดังนั้น พรรคจะรอการพิจารณาของนายทะเบียนฯก่อน ในเมื่อกฎหมายมันไม่เข้า ก็อยากฝากถึงบรรดานักร้องว่า ถ้าข้อเท็จจริงมันไม่เข้าทั้งองค์ประกอบความผิดและไม่เข้าองค์ประกอบทางกฏหมาย ก็ต้องยอมรับและยุติ

เพราะเรื่องมันไม่ผิด ถ้ามัวแต่จะหาช่องกันแบบนี้ ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ จะไม่เกิด เราไม่เคยปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ เรายืนอยู่ในที่แจ้ง พร้อมถูกตรวจสอบตลอดเวลา แต่เมื่อตรวจสอบแล้วเราไม่ผิด ท่านต้องยอมรับ ไม่ใช่หาช่องทางเพื่อยุบพรรคให้ได้

ด้านนายธนาธร กล่าวว่า ตนและพรรค ขอขอบคุณทุกคนที่ผลักดันและเป็นส่วนสำคัญให้พวกเราก้าวมายังจุดนี้ วันนี้ได้รับฟังคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ให้พรรคยังเดินต่อไป ดังนั้นเราขอสัญญาต่อประชาชนว่า ขาหนึ่งการทำงานในสภา ตน และ ส.ส.ของพรรค จะมุ่งมั่นทำงานในสภาอย่างมีคุณภาพ ตรวจสอบรัฐบาลอย่างแข็งขัน ในระยะกลาง 2-3 เดือนข้างหน้า เราจะรณรงค์ในร่างกฎหมายหลายฉบับที่เราเสนอต่อสภาไป เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เราจะจริงจังและมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน

นายธนาธร กล่าวว่า อีกด้านหนึ่งเราจะทำงานต่อเนื่องกับประชาชนนอกสภา แม้ตนจะไม่ได้เข้าสภาแล้ว แต่ตนจะเดินทางไปรับฟังปัญหาของประชาชนทั่วทุกภูมิภาค และเอาปัญหามาฝากให้ส.ส.ไปผลักดันเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป จะทำให้ประชาชนเข้าใจถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะพาสังคมไทยออกจากความขัดแย้ง

เราจะทำอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาเราทำงานอย่างหนัก และยังเดินหน้าต่อไป ในปี 2563 จะทำงานหนักไม่แพ้ในอดีต ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ คือการเดินทางและผู้คน แต่การเดินทางเพิ่งเริ่มต้นไม่ถึง 2 ปี ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำอีกเยอะ เราจะทำให้เต็มที่เท่าที่ศักยภาพที่มี ให้พวกเราเป็นตัวแทนของความฝันที่มี ตัวแทนผู้คนที่อยากเห็นประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ขอบคุณทุกกำลังใจที่ผลักดันพวกเรา

เมื่อถามถึงการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองนอกสภา เกี่ยวข้องกับการตัดสินคดีวันนี้หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ยืนยันอีกครั้งว่าการเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ทางพรรคไม่ได้ไปเข้าร่วมเพื่อการตัดสินคดีในวันนี้หรือวันหน้า แต่เราเข้าร่วมด้วยความบริสุทธิ์ใจ

อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่าการชุมนุมเป็นสิทธิที่รองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีการข่มขู่คุกคามอยู่ โดยในการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สิทธิมนุษยชนฯของสภา ในวันที่ 22 ม.ค. จะเชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และมหาวิทยาลัยพะเยา ที่มีการดำเนินการกับนักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ ตนมองว่าการแสดงออกทางสังคม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตนก็พร้อมจะเข้าไปร่วมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน