มุมมอง กังขา
กังขา สถานะ ของกกต.
โจทก์ หรือจำเลย
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
มุมมอง กังขา – ยิ่งใกล้ถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มากเพียงใด ยิ่งทำให้สถานะระหว่าง 1 กกต. กับ 1 พรรคอนาคตใหม่ มีความไม่แน่นอน
เหมือนกับกกต.จะเป็น “โจทก์” เหมือนกับพรรคอนาคตใหม่จะเป็น “จำเลย”
เพราะว่ากกต. เป็นผู้รับเรื่องราวร้องเรียนและดำเนินการไต่สวนแล้วก็ส่งคดีของพรรคอนาคตใหม่ขึ้นฟ้องศาลจึงน่าจะดำรงอยู่ในสถานะอันเป็น “โจทก์”
พรรคอนาคตใหม่จะเป็น “จำเลย” เป็นผู้ถูกกล่าวหา
แต่หากฟังจากอดีตกกต.อย่าง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร แต่หากฟังจากอาจารย์สอนกฎหมายอย่าง นายแก้วสรร อติโพธิ สังคมเริ่มไม่แน่ใจ
เป็นความไม่แน่ใจในบทบาทของกกต. ตั้งแต่มีเอกสาร “หลุด” ออกมาจากภายในระบุว่า คณะกรรมการไต่สวนที่กกต.ตั้งขึ้นอย่างน้อย 2 คณะ
มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกคำร้องกล่าวหาพรรคอนาคตใหม่
แทนที่กกต.จะยอมรับในคณะกรรมการไต่สวนซึ่งกกต.ตั้งเองมากับมือ กลับพยายามจัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้น
แล้วจึงมีมติสวนกับคณะกรรมการชุดเดิม
หากพิจารณาบทบาทของกกต.ตั้งแต่ก่อนจัดการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 กระทั่งหลังการ เลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็ต้องเกิดความลังเล ไม่แน่ใจ
ยิ่งกว่านั้น ก่อนหน้าวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จะเดินทางมาถึงในทางเป็นจริง เกิดปรากฏการณ์ในทางสังคมในทางการเมืองอันมากด้วยความละเอียดอ่อน
1 เกิดการล่ารายชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่
พิจารณาดูรายชื่อตั้งแต่ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายโคทม อารียา กระทั่ง นายบรรยง พงษ์พานิช นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ก็ต้องอึ้ง
1 เกิดการเคลื่อนไหวจากศูนย์ประสานจังหวัด พรรคอนาคตใหม่ จะฟ้องกกต.
ฟ้องเพราะประเมินว่า กระบวนการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพและขาดความเที่ยงธรรมของกกต.ทำให้พวกเขาซึ่งเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ได้รับความเสียหาย
การขยับขับเคลื่อนเข้าไปสู่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ของ กกต.จึงเป็นการขยับขับเคลื่อนอันก่อให้เกิดความ
แคลงคลางกังขาอย่างเห็นได้ชัด
พลอยให้สงสัยต่อ “สถานะ” ของกกต.
เฉพาะหน้าที่ร้อนแรงเป็นอย่างมากก็คือ ตกลงระหว่าง กกต. ซึ่งเป็นผู้กล่าวหา กับ พรรคอนาคตใหม่ซึ่งเป็น ผู้ถูกกล่าวหา
ใครเป็นโจทก์ ใครเป็นจำเลย