(ยุบ)สภาเน่า

คอลัมน์ ใบตองแห้ง

(ยุบ)สภาเน่า – ยุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับระบอบรัฐสภาจอมปลอม ไม่มีหนทางเปลี่ยนรัฐบาลในสภาได้ ถ้าอยากไล่ #ผนงรจตกม ก็ต้องเคลื่อนไหวนอกสภา นิสิตนักศึกษาจึงออกมาม็อบทุกมหาวิทยาลัย ใครไม่จัดม็อบก็กลัวเป็น “สลิ่ม”

ซ้ำร้าย ยุบอนาคตใหม่ยังทำให้สภากลายเป็นตลาดซื้อขาย แม้ กกต.คงตีความ “23” ในคลิปเสียง หมายถึง 23 บาท ค่าใส่พานยกครู แต่ความรู้สึกโกรธแค้น สาปส่ง ก็ยิ่งลุกลามไป

กระทั่งองค์การนักศึกษาขอให้เปลี่ยนชื่อจุดพักขยะ ห้องส้วม เป็นชื่อ ส.ส. ที่ได้มาเพราะเทคะแนนให้ทั้งมหาวิทยาลัย แหม่ ไม่เห็นใจคนเข้าสุขาเลย จะเป็นริดสีดวงไหม

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โวย ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่กลายเป็นพรรคดักฟัง (หรือดักตัวอะไรสักอย่าง) ว่าเป็นพฤติกรรมกุ๊ย ไม่มีมารยาททางการเมือง ไหนว่าจะทำการเมืองใหม่

โดนตอกกลับ ใครกุ๊ยกันแน่ โคตรขำ อนุทินใฝ่ฝันสักวันจะได้เป็นนายกฯ แต่วันนี้จบแล้ว คนเกลียดตู่ก็เกลียดหนูพอกัน ขณะที่คนเชียร์ยังห่างไกล การคิดสั้นตัก ส.ส.อนาคตใหม่ ทำให้พรรคภูมิใจไทยถอยกลับไปเป็น “พรรคเน” เมื่อปี 51

ไม่เพียงเท่านั้น อนาคตใหม่ยังแฉคลิป “ชี้ช่องรวย” น่าสงสารศรีนวลคนซื่อ อู้ซื่อๆ ว่าเป็น ส.ส.ต้องใช้เงินลงพื้นที่เพื่อพัฒนาให้ประชาชน

สอดรับรัฐมนตรีเส้นเลือดใหญ่ ซึ่งปฏิเสธคำพิพากษาศาลออสเตรเลียดื้อๆ “แปลผิด” อ้างถึงรายได้ 3 ล้านจากแผงค้าสลากว่า “ผู้แทนตลาดล่าง” เงินเดือน 1.2 แสนไม่พอใช้ ทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลต่างก็ตระหนัก เราต้องทำมาหากิน ไม่เช่นนั้นอยู่ไม่ได้

ตอบรอดตัวไปได้สวย แต่ชาวบ้านฟังแล้วสงสัย ส.ส.ต้องทำมาหากิน นี่รวมกินกล้วยด้วยหรือไม่ ส.ส.ในสภาทุกคนต้องหารายได้เพิ่ม มิน่า ส.ส.อนาคตใหม่ย้ายพรรคจึงบอกว่า ย้ายเพราะไม่มีเงินลงพื้นที่ แล้วพรรคที่ให้ค่าใช้จ่าย เอาเงินจากไหน

ที่จริงก็รู้กัน เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ไหนล่ะปฏิรูปการเมือง นี่มันสิ่งที่พันธมิตรนกหวีดด่าระบอบทักษิณไว้ไม่ใช่หรือ แต่วันนี้ พรรครัฐบาลกลับอาศัยความขัดสนของพรรคที่ถูกยุบเพราะกู้เงินหัวหน้าพรรค 191 ล้าน มาล่อใจส.ส.ที่ได้รับเลือกจากคนรักประชาธิปไตย คนชั้นกลางในเมือง โดยไม่ได้ซื้อเสียงสักบาท

เอาเงินมาจากไหนกันนักหนา ทำไม กกต. ป.ป.ช.ตรวจไม่พบ

การอภิปรายไม่ไว้วางใจจบแบบหักมุม พรรคฝ่ายค้านแตกกัน อนาคตใหม่ไม่พอใจเพื่อไทยกีดกัน กล่าวหามี “ดีล” ดูเหมือนจะทำให้รัฐบาลโล่งอก ปารีณาหัวเราะ แต่ผลด้านกลับคือประชาชนยิ่งสาปส่งระบอบรัฐสภา ว่า ส.ส.หวังพึ่งไม่ได้เลย

แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไร เมื่อเป็นอย่างที่นักศึกษาธรรมศาสตร์ไฮด์ปาร์กว่า อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ ไม่ใช่อำนาจอธิปไตยของปวงชนอีกต่อไป ปัญหาเศรษฐกิจจะยิ่งแย่ รัฐบาลจะยิ่งถูกวิจารณ์ว่าไร้ประสิทธิภาพ นักการเมืองแก่งแย่งเก้าอี้ผลประโยชน์ ส.ส.รุมทึ้งงบลงพื้นที่ ฯลฯ ขณะที่อ้างกฎหมายใช้อำนาจไล่จับคนต่อต้าน

นี่เป็นภาพลักษณ์เสื่อมทรามยิ่งกว่ายุครัฐประหาร 5 ปีด้วยซ้ำ

ถ้าเป็นสมัยก่อน การเมืองเน่าขนาดนี้ คือเงื่อนไขรัฐประหาร แต่ยุคนี้จะมีใครทำรัฐประหารล้มตู่ หรือจะอ้างการเมืองเน่า ทำรัฐประหารตัวเอง แล้วประกาศจับธนาธร ปิยบุตร แกนนำนักศึกษา นักวิชาการ ขำตาย!

จะมีรัฐประหารได้ไง ในเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 วางโครงสร้างให้อำนาจรัฐประหารมาคุมอำนาจในรัฐธรรมนูญไว้หมดแล้ว ฉีกรัฐธรรมนูญนี้เมื่อไหร่ ก็ไม่สามารถร่างใหม่ให้แย่ไปกว่านี้ได้

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป คือประชาชนจะปฏิเสธอำนาจทั้งระบบ รวมถึงระบบพรรคการเมืองแบบเก่า ซึ่งอย่าคิดว่าไม่เกิด ชัยชนะของทรัมป์ก็มาจากกระแส anti-establishment ที่กำลังลามไปทั่วโลก

ถ้าจะบรรเทา ฝ่ายอนุรักษนิยมควรถอยเสียบ้าง แก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง แล้วเลือกตั้งใหม่

ขั้นต้นไม่ขอมาก ขอแค่แก้ระบบเลือกตั้ง บัตรใบเดียว ต่างเขตต่างเบอร์ สูตรเศษมนุษย์ โยนลงชักโครกไป กลับไปใช้สูตรบัตร 2 ใบแบบบวรศักดิ์ก็ได้ แล้วก็เลิกใช้ 250 ส.ว.เลือกนายกฯ

อ้าว จะกลัวอะไร พรรคเพื่อไทยมีแต่ป้อแป้ลง เผลอๆ ถูกดูดเพิ่ม พรรคอนาคตใหม่ก็คงไม่ถล่มทลายเท่าครั้งที่แล้ว ไหนว่ากลัวธนาธร ปิยบุตร ก็กำจัดตัวอันตรายไปแล้วไง

พลังประชาธิปไตยคงเรียกร้องอีกหลายอย่าง เช่น ยุบศาลรัฐธรรมนูญ รื้อ กกต. องค์กรอิสระ กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ แต่ฝ่ายอนุรักษ์ไม่ยอมเสียอย่าง แค่แก้อำนาจเลือกตั้งแล้วก็คุมโครงสร้างระดับบนต่อไป

ถ้าจะให้ดี ก็หาผู้นำใหม่ หาคนที่ดูมีความรู้ความสามารถรับมือโลกยุค disruption ได้ แล้วส่งลุงกลับบ้าน ไม่ต้องพักในค่ายทหารอีกต่อไป

พูดอย่างนี้ไม่ใช่โลกสวย เพราะเชื่อว่าไม่ทำหรอก กว่าจะคิดได้ก็สายเกิน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน