“บิ๊กตู่”โต้อยู่ยาว 10 ปียันเลือกตั้งปี”61 ตามโรดแม็ป สั่งฟื้นครม.สัญจร 6 ภาค วอนอย่าต้านรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน”บิ๊กป้อม”ลั่นพอแล้ว ยืนยันไม่ตั้งพรรค คสช.เตรียมใช้ม.44 ปลดล็อกใช้ที่ส.ป.ก. ผลิตปิโตรเลียม ไฟฟ้ากังหันลม สำรวจเหมืองแร่ ตำรวจ-ทหารเข้มความปลอดภัยนายกฯ ลงพื้นที่ขอนแก่น มติกกต.เห็นแย้งสนช.ประเด็นเซ็ตซีโร่ ชี้ 6 ประเด็นร่างพ.ร.บ.กกต.ขัดรัฐธรรมนูญ สธ.เปิดเวทีแจงข้อเปรียบเทียบกฎหมายบัตรทองเดิม กับฉบับแก้ไข

บิ๊กตู่ควัก3.5แสนซื้อพระบรมรูปร.9

เวลา 08.35 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. นำครม.เยี่ยมชมความคืบหน้าอาคารเรือนรับรองหลังใหม่ บริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งก่อสร้างเพื่อใช้รับรองแขกรัฐบาล จัดการประชุมและกิจกรรม อื่นๆ ซึ่งมีความคืบหน้าร้อยละ 80-90

จากนั้นนายกฯได้พบและพูดคุยกับนายมานพ สุวรรณปินฑะ ศิลปินที่ใช้เวลาปั้นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ถึง 9 ปี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ตามหาและอยากพบตัว โดยพล.อ.ประยุทธ์ ใช้เงินส่วนตัวซื้อผลงานปั้นพระบรมรูปฯ ของนายมานพในราคา 3.5 แสนบาท เพื่อนำพระบรมรูปฯมาประดิษฐานไว้ที่อาคารเรือนรับรองหลังใหม่

นั่งยันนอนยัน-ไม่เลิกบัตรทอง

เวลา 14.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม. ถึงการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือกฎหมายบัตรทองว่า ได้เตรียมแก้ไขระบบบริหารจัดการการใช้จ่ายงบประมาณให้เหมาะสมและลงสู่บุคลากรรวมถึงประชาชนให้มากที่สุด จากนั้นค่อยไปทำอย่างอื่นและต้องมีสัดส่วนที่ชัดเจน ต้องมีนักบริหารจัดการมาเป็นกรรมการ มีตัวแทนทุกภาคส่วน ไม่ใช่มีตัวแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บางครั้งการทำงานของแต่ละหน่วยงานมีข้าราชการเพียงฝ่ายเดียวหรือมีคนที่มีความรู้วิชาการอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องมีคนบริหารมาร่วมด้วย จะได้รู้หลักบริหารมืออาชีพเพราะการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล

“วันนี้รัฐบาลปรับขึ้นให้ได้ 3,100 บาทต่อหัวซึ่งมากกว่าเดิม แล้วใครมาบอกว่าผมจะยกเลิก ยกเลิกได้อย่างไร ไอ้คนที่พูดโกหกบิดเบือน นักการเมืองพูดอยู่ได้อย่างไร ยืนยันหลายครั้งแล้วก็ยังไม่เชื่อกัน วันนี้ผมใช้คำว่ายืนยัน นั่งยัน นอนยัน จะเอาอะไรยันอีกไหมว่าผมไม่ยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อก่อนเสีย 30 บาทกฎหมายก็มีอยู่” นายกฯกล่าว

นายกฯ กล่าวว่า การจ่ายสมทบ เดิมจ่าย 30 บาทและลดลงเหลือศูนย์บาท ยืนยันไม่ได้มุ่งหวังไปรีดเงินจากประชาชนอีก บาทเดียวก็ไม่ต้องการ แต่งบที่มีอยู่จะทำอย่างไรให้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้มากที่สุด เฉลี่ยรายจ่ายให้ดูแลมากกว่า 3,100 บาทได้หรือไม่ เพราะเงินบางส่วนนำไปทำอย่างอื่นมากพอสมควรที่เหลือถึงจะไปทำอย่างอื่น แต่มีคนต่อต้านคัดค้าน อาจมีคนเสียผลประโยชน์บ้างในการได้เงินเหล่านี้ไปทำอย่างอื่น

เมิน”เสกสรรค์”วิจารณ์รัฐบาล

เมื่อถามถึงบทวิเคราะห์ของนายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุรัฐบาลทหารจะอยู่ถึง 10 ปี นายกฯ กล่าวว่า ปล่อยให้พูดกันไป นายเสกสรรค์พูดมานานแล้วก็ปล่อยให้พูดไป ถ้ามันไม่เกิดประโยชน์กับตนก็ฟังไปอย่างนั้นเอง ถามว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวถึง 10 ปี อยู่ได้อย่างไร อยู่ได้ถึง 10 ปีก็เก่งแล้ว ในเมื่อกลไกมันคือการเลือกตั้ง ทำไมถึงไม่เข้าใจกัน การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นในปี 2561 ชัดเจนกันหรือยัง ไม่ต้องมาถามอย่างอื่นอีก

เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรกับการเลือกตั้งแบบไพรมารี่โหวต พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นการพิจารณาของกรธ. สนช. ต้องให้เขาทำงานก่อน เรื่องยังไม่ถึงรัฐบาล เป็นเรื่องการปฏิรูปทางการเมืองเพราะถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเหมือนเดิมก็ไม่ได้เรียกว่าการปฏิรูป หลายอย่างต้องปรับเปลี่ยนไปบ้าง เพื่อให้ได้รัฐบาลในอนาคตที่มีธรรมาภิบาล บอกไปแล้วทุกอย่างไม่ได้ทำเพื่อตน

นายกฯกล่าวถึงการตั้ง 4 คำถามเพื่อถามประชาชนว่า ไม่ใช่ว่าตนไม่มั่นใจ ถามไปแล้วพอคนตอบน้อย ตนไม่ได้สนใจว่าจะมีคนไลก์เท่าไร ตอบมาเท่าไรไม่รู้ วันนี้มีรายงานเบื้องต้นทั่วประเทศ 8-9 หมื่นแต่สื่อสนใจเฉพาะวันแรก มีข้อสรุปออกมาว่าต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ให้ไปคิดกันเอาเอง

“รถไฟไทย-จีน”ขอให้เกิดเถอะ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการใช้มาตรา 44 จัดทำโครงการรถไฟไทย-จีนว่า เรื่องเงินทุนยังไม่เคยพูดว่าจะไปกู้ใครมา แหล่งเงินในประเทศมีพอสมควรและจีนไม่เคยเรียกร้อง เพียงแต่เสนอข้อพิจารณาว่าหากใช้เงินของจีนจะมีดอกเบี้ยเท่าไรก็มาเปรียบเทียบ ถ้าเงินกู้หรือเงินที่ต้องใช้จากส่วนอื่นๆ ดอกเบี้ยต่ำกว่าก็ใช้ตรงนั้น จีนไม่เคยมาบังคับตรงนี้ จะเอามาเฉพาะวิศวกรซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างในประเทศหรือบริษัทร่วมทุนที่จะมาประมูลตรงนั้น และที่จะเริ่มทำเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ในระยะ 3.5 ก.ม.นั้น ตรงไหนติดขัดเรื่องพื้นที่มีคนบุกรุกต้องค่อยๆ เคลียร์ ถ้าไปทำตรงที่มีความขัดแย้งกันมากติดข้อกฎหมายก็จะเริ่มโครงการไม่ได้ ดังนั้นสัญญาฉบับนี้จะทำเฉพาะเส้นทางสายนี้เท่านั้นไม่เกี่ยวกับที่อื่น เส้นทางอื่นต้องไปประมูลหรือไม่ร่วมทุนต่างๆ แต่เส้นกรุงเทพฯ-นครราชสีมาเป็นสายแรกต้องให้เกิดขึ้นให้สอดคล้องกับการพัฒนาเส้นทางการเชื่อมระหว่างประเทศ ต้องคิดถึงประโยชน์ต่อเนื่องไม่ใช่คิดแค่รายได้จากผู้ใช้บริการ ต้องมองผลประโยชน์อย่างอื่นด้วย โดยเฉพาะผลประโยชน์ 2 ข้างทางที่จะทำให้เกิดผลทางด้านเศรษฐกิจกับประชาชน อย่าไปคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่คุ้ม คิดเฉพาะคนขึ้นรถอย่างไรมันก็ไม่คุ้ม

“เรื่องรถไฟไทย-จีน ขอให้มันเกิดขึ้นเถอะ วันนี้ทุกอย่างชี้แจงไปได้หมดแล้ว สมาคมวิศวกรรมก็เข้าใจแล้ว หารือกันมากมายเพื่อตอบปัญหา ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่กังวลเลย ไม่ว่าเรื่องวิศวกร การถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งมีการเจรจากันแล้วว่าใครจะเป็นวิศวกร จะถ่ายทอดเทคโนโลยี ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน กิจการใดที่ไทยทำได้ก็ทำไป จะใช้วัสดุอุปกรณ์ของไทยได้กี่อย่าง เช่น 12 อย่างใช้ได้ 11 อย่างเหลืออีก 1 อย่างที่ต้องตกลง ถ้ามาตรฐานได้ก็ต้องใช้ของเราถ้าไม่ได้ก็ใช้ของต่างประเทศ คุยกันหมดแล้วไม่ใช่เอามาตรา 44 มาออกใช้สร้างรถไฟทั้งหมด ผมได้ประโยชน์หรือใครได้ประโยชน์ผมไม่รู้ แต่ถ้าผมไม่ได้ประโยชน์ใครก็ไม่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว

บ่นสื่อจ้องถามไม่ยอมฟัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงหลังครม. ของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นการตอบคำถามที่สื่อส่งคำถามผ่านคณะทำงาน โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที นายกฯ อธิบายในหลายประเด็นและใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษค่อนข้างมาก โดยระบุว่า ที่จำเป็นต้องใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษค่อนข้างมากวันนี้ เพราะไม่ว่าจะพูดหรืออธิบายอะไรสื่อไม่ค่อยเข้าใจ จึงจำเป็นต้องใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษบ้าง สื่อไม่ค่อยฟัง จ้องแต่จะถามอย่างเดียว ต้องคิดให้เชื่อมโยงแล้วคำถามจะลดลง มัวแต่ถามทีละเรื่องก็ตอบไม่ได้ เพราะถ้าตอบไปก็จับโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้

“ที่พูดทั้งหมดไม่ได้ว่าใคร หลายคนเรียนหนังสือสูงกว่าผม แต่ผมอาจมีประสบการณ์ในการปฏิบัติมากกว่าเพราะผมเป็นทหารมา 38 ปี เป็นนายกฯอีก 3 ปี ยิ่งอยู่ยิ่งโง่ลงรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเจอคำถามหลายดอกเข้าไป และที่ผมต้องใช้ภาษาอังกฤษเพราะบางครั้งพูดภาษาไทยไปแล้ว หลายคนไม่รู้เรื่อง ตอบภาษาไทยไปก็ถามกันแล้วถามกันอีก จะได้ไปคิดเรื่องใหม่ๆ กันบ้าง ผมไม่ได้ดัดจริต เพราะก็ไม่ใช่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ก็รู้ศัพท์คำบางคำที่จะขับเคลื่อนประเทศ” นายกฯ กล่าว

“บิ๊กป้อม”ยันพอแล้ว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง กล่าวภายหลังประชุมครม. กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนระบุอาจไม่มีการเลือกตั้งว่า ใครจะพูดอะไรเป็นเรื่องของเขา แต่สิ่งที่ตนทำอยู่ขณะนี้คือการปรองดองและทุกฝ่ายได้ร่วมมือจะทำให้เกิดการปรองดอง เมื่อถามย้ำว่านายสุเทพ ระบุหากยังเกิดเหตุระเบิดก็ยังไม่ควรมีการเลือกตั้งรัฐบาลจะดูแลสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นได้ในช่วงเลือกตั้งได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เราดูแลอยู่แล้ว

ส่วนที่นายเสกสรรค์ ปาฐกถาระบุจากรัฐธรรมนูญทหารจะอยู่บริหารต่อไปอีก 10 ปี พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โรดแม็ปการเลือกตั้งคือปี 2561 ก็ต้องเป็นไปตามนั้น เมื่อถามย้ำว่าในความหมายดังกล่าวอาจหมายถึงคสช.อาจไม่ได้อยู่บริหารโดยตรง แต่ยังมีกลไกทำงานในรูปแบบส.ว.สรรหา รองนายกฯ กล่าวว่า “นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยืนยันว่าจะไม่ไปตั้งพรรค จะไปตั้งที่ไหน และไม่เอาแล้วเพราะอายุเยอะแล้ว ทำงานนี้ให้จบก็พอแล้ว”

นายกฯเล่านิทานสอนรมต.

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุมครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เล่านิทานให้ครม.ฟังโดยเปรียบเทียบการทำงานของมดตัวน้อยที่สร้างผลงานมากมายแต่เมื่อวันหนึ่งเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน มดกับเบื่องานและคุณงานไม่ดี

นายกฯจึงบอกว่าให้มาเดากันว่าใครจะถูกปลดออกเป็นคนแรก นิทานเรื่องนี้บอกว่า เจ้ามดน้อยนั่นเอง เพราะเป็นคนที่ไร้แรงจูงใจ มีทัศนคติไม่ดี และให้พิจารณาตัวเองว่าเราเป็นใครในนิทานเรื่องนี้ นายกฯฝากคติเรื่องนี้ให้ ทุกคนกลับไปพิจารณาตัวเองว่าการทำงานของเราใครอยู่ในบทบาทไหน และเพิ่มงานให้ตัวเองโดยไม่จำเป็นหรือเปล่า การไปนำคนนั้นคนนี้เข้ามาทำให้งานเรายากขึ้น หรือทำให้ประสิทธิภาพงานของเราลดลงหรือไม่นายกฯก็ฝากไว้เป็นข้อคิด

ครม.ตั้ง”ภุชพงค์”นั่งผอ.สถิติ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงข่าวเสนอชื่อนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ครม.อนุมัติว่า ยังไม่มีการเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุม คาดว่าจะเสนอชื่อได้ช่วงปลายมิ.ย.ถึงต้นก.ค.นี้ เมื่อถามยังมีเวลาพิจารณาแต่เหตุใดรีบเสนอชื่อให้ครม.อนุมัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เร็ว เพราะผู้ว่าฯต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้เวลา 2 เดือนก่อนถึงเดือนก.ย.นี้ ดังนั้น ต้องมีเวลาทำให้เสร็จและครบถ้วนสมบูรณ์

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติ แต่งตั้งตามที่กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เสนอ ให้ นายภุชพงค์ โนดไธสง รองอธิบดีกรมอุตุนิยม วิทยา เป็น ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแต่งตั้ง น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม

ฟื้นครม.สัญจร 6 ภูมิภาค

พล.ท.สรรเสริญแถลงอีกว่า ในที่ประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการว่าให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดประชุมครม.สัญจรอีก ซึ่งตอนรัฐบาลนี้เข้ามาใหม่ๆ เคยจัดครม.สัญจรไปแล้ว 2 ครั้ง คือจ.ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ นายกฯต้องการให้กลับมาประชุมครม.สัญจรอีกโดยให้ความสำคัญกับ 6 ภูมิภาค หมุนเวียนกันไปคือ เหนือ กลาง อีสาน ใต้ เขตเศรษฐกิจพิเศษด้านระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนจะจัดที่ไหนอย่างไรพิจารณาอีกครั้ง

คสช.ใช้ม.44 แก้ปัญหาพลังงาน

พล.ท.สรรเสริญ เผยว่าที่ประชุมคสช. มีมติเห็นชอบในหลักการการออกคำสั่งหัวหน้าคสช. มาตรา 44 เพื่อปลดล็อกการใช้ที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้ดำเนินกิจการ 3 อย่างคือ ผลิตปิโตรเลียม กิจการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม และกิจการสำรวจเหมืองแร่ หรือที่ประชาชนรู้จักในนามลานน้ำมัน กังหันลมและขุดแร่ สำหรับกิจการที่ดำเนินอยู่ก่อน ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสิ้น 3,695 ไร่ หรือคิดเป็น 0.09 เปอร์เซ็นต์ จากที่ดินส.ป.ก.ทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 41 ล้านไร่

โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า การออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาครั้งนี้ไม่ครอบคลุมพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก.และที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกันว่าในการอนุมัติให้เอกชนใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ให้พิจารณาเป็นกรณีๆ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งกำหนดค่าตอบแทนที่ดินที่จะให้กับเกษตรกรและการพัฒนาเกษตรกรอย่างชัดเจน การกำหนดแผนงานคืนประโยชน์ให้กับสังคม และแผนการฟื้นฟูที่ดิน ส.ป.ก.หลังใช้ประโยชน์เป็นระยะๆ

“ที่ประชุม คสช.ได้หารือและสอบถามถึงแนวทางแก้ปัญหาอื่นๆ เช่น แนวทางการแก้ไขนิยามของการปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก.ซึ่งใช้เวลานาน หรือการเพิกถอนที่ดิน ส.ป.ก.จะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เหมือนสาด น้ำหมึกลงกระดาษ และยังมีประเด็นเรื่องการถอนสภาพที่ดิน ส.ป.ก.แล้วจะกลายเป็นที่ดินราชพัสดุ ทำให้เกษตรกรที่ใช้ที่ดินในพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่มีปัญหาเสียประโยชน์ไปด้วย ที่ประชุมจึงได้ข้อสรุปว่าการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหานี้เหมาะสมที่สุด โดยคำสั่งฉบับนี้เมื่อประกาศแล้วกิจการของเอกชนที่หยุดชะงักตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดไปก่อนหน้านี้จะกลับมาดำเนินการได้ในทันที” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

รฟ.เร็วสูง-ไทยได้ประโยชน์ 75%

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวถึงการออกคำสั่งตามมาตรา 44 แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนว่า นายวิษณุ ได้นำรายละเอียดชี้แจงเหตุผล และความจำเป็นแต่ละส่วนที่ออกคำสั่งไปแล้ว ให้กับที่ประชุม คสช.รับทราบอีกครั้ง ยืนยันผลประโยชน์การก่อสร้างจะตกอยู่ในประเทศไทยในสัดส่วน 75 เปอร์เซ็นต์ และจีนได้ 25 เปอร์เซ็นต์ โดยคำนวณได้จากมูลค่าโครงการก่อสร้างโครงการที่มีวงเงิน 1.79 แสนล้านบาท การเจรจาที่ดำเนินการมากว่า 18 ครั้ง ทำให้มูลค่าโครงการลดลงจาก 2.4 แสนล้านบาท เหลือ 1.79 แสนล้านบาท รวมทั้งมีการเจรจาเพื่อให้ไทยสามารถสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศในการก่อสร้างมากที่สุด เช่น เหล็กข้ออ้อยที่เราผลิตได้ก็จะใช้วัสดุในประเทศ ส่วนวิศวกรจีนที่ต้องการเงินเดือนเดือนละ 800,000 บาทเราต่อรองให้ต้องมีหนังสือรับรองจากสถานทูต เป็นต้น

นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการส.ป.ก. เผยว่า ส.ป.ก. จะเร่งออกกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เสร็จภายใน 90 วันหลังจากมติคสช. เห็นชอบให้ใช้มาตรา 44 เปิดทางให้ใช้ที่ดินเพื่อเป็นประโยชน์สาธารณของประเทศได้ หลังจากนั้นเมื่อมีผู้มาขอใช้พื้นที่ ส.ป.ก. จะพิจารณาตามขั้นตอนของ พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งขณะนี้พ.ร.บ.อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งจะเพิ่มเติมเนื้อหาการใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะนี้ไปด้วย โดยจะครอบคลุมกิจกรรมด้านพลังงานลม ปิโตรเลียม เหมืองแร่ ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายกรณี ยังไม่เห็นรายละเอียดมติ ทั้งนี้การทำงานจะชัดเจนขึ้นแต่จะไม่มีการพิจารณาย้อนหลังถึงการลงทุนที่มีมาก่อนหน้า ที่สำคัญทุกโครงการต้องไม่กระทบกับเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ และเป็นประโยชน์กับสังคมด้วย

สธ.เปิดเวทีแจงบัตรทอง 21 มิ.ย.

พล.ท.สรรเสริญ แถลงว่า นายกฯสั่งการให้ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ชี้แจงการแก้ไขร่างพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติไม่มีการลิดรอนสิทธิของประชาชน และสั่งการให้ไปทำความเข้าใจกับประชาชน อธิบายความแตกต่างของพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ พ.ศ.2545 และฉบับแก้ไข ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะจัดเวทีเสวนาให้ความรู้ ตีแผ่ความแตกต่างของร่างพ.ร.บ.ฉบับเดิมและฉบับใหม่ใน 14 ประเด็น พร้อมเชิญหน่วยราชการ ประชาชนและ สื่อทุกสำนักเข้ารับฟังในเวลา 09.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการ จะ ได้ทราบว่าถ้าประชาชนไม่สูญเสียสิทธิประโยชน์ในการรักษาพยาบาล การพยายามล้มประชาพิจารณ์มาจากสาเหตุใด

เอ็นจีโอยื่น 3 ข้อต่อรอง

เวลา 11.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพและเครือข่ายกว่า 10 คน นำโดยนาย นิมิตร์ เทียนอุดม ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ น.ส. สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย เข้าหารือร่วมกับนพ.พลเดช ปิ่นประทีบ เลขาธิการสช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการประชาพิจารณ์พิจารณาร่างพ.ร.บ.หลักประกัน สุขภาพฯ เพื่อตกลงเงื่อนไขก่อนเข้าร่วมเวทีปรึกษาสาธารณะวันที่ 21 มิ.ย.

นายนิมิตร์กล่าวภายหลังการหารือว่า ทางผู้จัดกังวลว่าเครือข่ายจะแสดงออกเหมือนทุกเวทีประชาพิจารณ์ที่ผ่านมาอีกหรือไม่ พวกตนได้ตั้งเงื่อนไข 3 ข้อ 1.เวทีปรึกษาสาธารณะหากมีทหารตำรวจมาเป็นกองร้อย หรือในจำนวนที่พวกเรารู้สึกไม่ปลอดภัยจะขอออกจากการประชุม 2.ไม่ปิดห้องคุยแบบรวบรัดประเด็น 3.ไม่เร่งรัดเอาข้อคิดเห็นทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณายกร่างพ.ร.บ. แต่ต้องแยกให้ชัด ประเด็นเห็นร่วมก็เป็นไปตามขั้นตอนการปรับปรุงกฎหมาย ประเด็นเห็นต่างต้องหาทางออกโดยผ่านการประชุมในรูปแบบสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

ด้านนพ.พลเดชกล่าวว่า เครือข่ายฯ รับปากว่าจะไม่มีมวลชนหรือเอาม็อบไปกดดัน ตนก็พร้อมประสานฝ่ายความมั่นคงไม่ให้มีทหารตำรวจเพราะไม่มีม็อบ เครือข่ายฯยังขอเพิ่มสัดส่วนภาคประชาชน 1 คน คือ น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เข้าร่วมเป็นคณะทำงานฝ่ายวิชาการตรงนี้ไม่มีปัญหา

“ตร.-ทหาร”ถกรับนายกฯ

เวลา 11.00 น. ที่สหกรณ์โคนมขอนแก่น จำกัด นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและการจัดเตรียมสถานที่สำหรับต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมครม.ที่จะมาตรวจราชการด้านการพัฒนาการเกษตร โดยเร่งติดตั้งเวทีป้ายต้อนรับ รวมไปถึงนิทรรศการด้านการเกษตรทฤษฎีใหม่และเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาล

ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เวฬุวัน กำลังทหารจาก มทบ.23 และร.8 พัน 3 ช่วยกันจัดเตรียมโต๊ะเก้าอี้ รวมทั้งการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในมาตรการรักษาความปลอดภัย

เผยคิวนายกฯ พบเกษตรกร

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การตรวจราชการด้านการพัฒนาการเกษตร ด้วยเหตุผลของแนวทางการดำเนินงานในพื้นที่ประสบผลสำเร็จและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล หลังการรายงานผลการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฯจะส่งมอบโรงรวบรวมน้ำนมดิบ โรงผลิตอาหารสัตว์ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการของสหกรณ์โคนมขอนแก่น การมอบเงินให้ธนาคารสินค้าเกษตร หรือโคนมทดแทนฝูง รวม 4,950,000 บาท การมอบเงินโครงการยางพาราปูพื้นโรงเลี้ยงโคนม 1,990,00 บาท มอบเครื่องมือตรวจอัลฟาท็อกซินในน้ำนม 10 ชุด และมอบสิทธิ์ที่ดินทำกินในพื้นที่ ส.ป.ก.4-01 จำนวน 5 แปลง ก่อนจะพบปะกับเกษตรกรที่จะมาร่วมรับฟังนโยบายของรัฐบาลด้านการเกษตรและสหกรณ์ที่คาดว่าจะเดินทางมาร่วมงานรวมกว่า 1,200 คน

นายวิณะโรจน์กล่าวว่า คณะนายกฯ จะมารับทราบผลการดำเนินงานระดับพื้นที่ที่มีการส่งเสริมนโยบายการปฏิรูปภาคการเกษตรเรื่องการทำเกษตรกรรมแปลงใหญ่ การสนับสนุนศูนย์เรียนรู้ภาคการเกษตรในที่ดิน สป.ก. การทำแผนที่ทางการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ ทั้งหมดจะนำมาเสนอว่ามีการดำเนินการอย่างไร การลงพื้นที่ของนายกฯได้สนับสนุนงบประมาณดำเนินงานให้กับสหกรณ์แห่งนี้อีกด้วย ทุกโครงการที่ขอนแก่นดำเนินการเป็นขอนแก่นโมเดลที่สามารถนำไปต่อยอดได้ โดยเฉพาะเกษตรกรรมแปลงใหญ่ที่ทั้งประเทศมีเกือบ 2,400 แปลง พื้นที่มากกว่า 3 ล้านไร่ ซึ่งนายกฯ มุ่งหวังการรวมตัวภาคการเกษตรให้มากขึ้น ให้เกิดการลดต้นทุน มีการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ

กกต.ทำความเห็นแย้งมติสนช.

เวลา 15.15 น. ที่สำนักงานกกต. นายภูมิพิทักษ์ กองแก้ว รองเลขาธิการกกต. กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมพิจารณาการเสนอความเห็นแย้งต่อร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. เพื่อส่งให้สนช. โดยได้ข้อสรุป 6 ประเด็น ที่เห็นว่ามีบทบัญญัติไม่ตรงกับรัฐธรรมนูญ 1.มาตรา 11 วรรคสาม กำหนดเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคณะกรรมการสรรหา กกต. เขียนเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด ที่ระบุว่าให้คัดเลือกจากบุคคลซึ่งมีความเป็นกลาง ซื่อสัตย์สุจริต เข้าใจภารกิจของ กกต.และไม่มีพฤติการณ์ยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคใด ประเด็นนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้และไม่ได้ระบุให้ดูคุณสมบัติของกฎหมายลูกประกอบด้วย

2.มาตรา 12 วรรคหนึ่ง เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ กกต.ว่าไม่มีพฤติการณ์ยอมตนอยู่ในอาณัติของพรรคใด รวมทั้งมี ทัศคติที่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลสำเร็จ บัญญัติเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด มาตรา 203 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 206 และมาตรา 222, 3.มาตรา 26 ที่ระบุอำนาจหน้าที่ของ กกต.แต่ละคน สั่งระงับเมื่อเห็นว่าการเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมในบางหน่วยหรือทุกหน่วยเลือกตั้ง และเสนอต่อที่ประชุมกกต.เพื่อวินิจฉัย ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 (3) วรรคสาม ที่กำหนดอำนาจหน้าที่ของ กกต.เพียงคนเดียวสามารถสั่งระงับยับยั้งหรือสั่งเลือกตั้งใหม่ได้เมื่อพบเหตุทุจริตเลือกตั้งบางหน่วยหรือทุกหน่วย

สรุป 6 ข้อบัญญัติขัดรธน.

4.มาตรา 27 ที่กำหนดอำนาจหน้าที่ของ กกต.เพียงให้ควบคุมดูแลการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เป็นผู้รับผิดชอบจัดการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 (1) และ(2) ที่ให้ กกต.มีอำนาจหน้าที่เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง, 5.มาตรา 42 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ กกต.มอบอำนาจให้เลขาธิการ กกต.หรือพนักงานของสำนักงาน มีอำนาจสืบสวนสอบสวนและไต่สวนได้ บัญญัติเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรคสอง กำหนดให้อำนาจ กกต.สืบสวนสอบสวนได้เลย และ 6.มาตรา 70 บัญญัติให้กกต.ชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ โดยกกต.เห็นว่ามาตราดังกล่าวขัดหลักนิติธรรม และนิติประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ไม่ตรงตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง ประกอบมาตรา 26 และมาตรา 27

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาข้อโต้แย้งร่างพ.ร.บ.กกต. ที่จะส่งสนช.ใน 6 ประเด็น ที่ประชุมกกต.มีมติเอกฉันท์ 5 ประเด็น มีเพียงประเด็นคุณสมบัติของ กกต.ที่มีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เสียง โดยเสียงข้างมาก 3 คนคือ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นายบุญส่ง น้อยโสภณ และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ส่วน 2 เสียงข้างน้อยคือนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ และนายประวิช รัตนเพียร ซึ่งเหตุที่กกต.ทั้ง 2 คนไม่เห็นด้วยในเรื่องคุณสมบัติ กกต. เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว

พรบ.พรรคไม่ขัดรธน.

นายภูมิพิทักษ์กล่าวว่า กกต.จะส่งหนังสือแย้งและเอกสารประกอบไปยัง สนช.ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ส่วนจะส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เบื้องต้นยังไม่มีการพิจารณา ต้องให้กระบวนการเป็นไปตามขั้นตอนก่อน ส่วนที่กรธ.นัดหารือกกต.วันที่ 21 มิ.ย.นี้ กกต.ได้ส่งนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. เป็นตัวแทนไปหารือในการชี้แจงร่าง พ.ร.บ. พรรคการเมือง

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวว่า เบื้องต้นที่ประชุม กกต.เห็นว่าร่างพ.ร.บ.พรรคการเมืองไม่ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้รับร่างดังกล่าว กกต.ส่งผู้แทนไปหารือกับ กรธ.วันที่ 21 มิ.ย.ตามคำเชิญเพราะกกต.มีส่วนร่วมร่างกฎหมายนี้ตั้งแต่แรก หากท้ายที่สุด กกต.ไม่เห็นด้วยว่าร่างดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่เรื่องการเอาคืน แต่เราเห็นว่าเป็นแนวทางปฏิบัติ ซึ่งฝ่ายปฏิบัติของกกต.ก็ยืนยันต่อที่ประชุม กกต.ว่าถึงแม้จะยากแต่ทำได้

“ธีรวัฒน์”แจงเหตุไม่โต้เซ็ตซีโร่

นายธีรวัฒน์กล่าวกรณีเป็นเสียงข้างน้อยกรณีเซ็ตซีโร่ กกต.ว่า เห็นว่าไม่ควรโต้แย้งในประเด็นนี้ เพราะ 1.สนช.ประชุมพิจารณาประเด็นนี้และมีมติด้วยคะแนน 177 ต่อ 1 เห็นชอบกฎหมายดังกล่าวรวมทั้งให้เซ็ตซีโร่ กกต.ซึ่ง สนช.ได้ประชุมและพิจารณาเหตุผลต่างๆ อย่างกว้างขวางและมีมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น การโต้แย้งต้องมีเหตุผลหนักแน่นมิใช่เรื่องความรู้สึกชอบ-ไม่ชอบ หรือยุติธรรม- ไม่ยุติธรรมเพียงอย่างเดียว

2.การเซ็ตซีโร่ กกต.ส่งผลให้ กกต.ชุดนี้ต้องพ้นจากตำแหน่งซึ่งกกต.ชุดนี้เป็นผู้เสียประโยชน์ การที่ กกต.โต้แย้งประเด็นดังกล่าวย่อมหมิ่นเหม่ให้สาธารณชนเข้าใจว่ากกต. ชุดนี้มุ่งรักษาประโยชน์ส่วนตน ยื้อเพื่อรักษาเก้าอี้มากกว่าประเด็นที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องไม่สง่างาม

3.ส่วนประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการเซ็ต ซีโร่ กกต. ตนเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อกกต.ที่จะปฏิบัติในอนาคต จึงเห็นด้วยกับการโต้งแย้งประเด็นดังกล่าว และ 4.เมื่อสนช.มีมติเซ็ตซีโร่กกต.ชุดนี้ ตนรู้สึกโล่ง โปร่ง เพราะ เชื่อมั่นว่าในโลกนี้ยังมีเรื่องดีๆ ที่จะทำได้ อีกมากมาย กกต.ตำแหน่งเป็นเพียงหัวโขน จึงน้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติด

สนช.เตรียมตั้งกมธ.ร่วม3ฝ่าย

ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิปสนช. แถลงหลังประชุมว่า ที่ประชุมหารือกรณีกกต.จะทำความเห็นแย้งมายังสนช. ว่าร่างพ.ร.บ.กกต. ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ คาดว่าวันที่ 23 มิ.ย.นี้ กกต.น่าจะทำความเห็นมา ซึ่งจะบรรจุเป็นวาระเพื่อให้วิปสนช.พิจารณาวันที่ 27 มิ.ย. ก่อนเข้าที่ประชุมสนช.วันที่ 29 หรือ 30 มิ.ย. เพื่อตั้งคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย จำนวน 11 คน ประกอบด้วย สนช. 5 คน กรธ. 5 คน และประธานกกต. 1 คน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้พิจารณาแล้วเสร็จใน 15 วัน ก่อนนำเข้าที่ประชุมสนช.พิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้ความเห็นชอบ แต่ถ้าที่ประชุมไม่เห็นชอบต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด และถือว่าร่างดังกล่าวตกไปทันที ขณะที่ร่างพ.ร.บ.พรรคการเมืองยังอยู่ในขั้นตอนธุรการ สนช.ยังไม่ได้ส่งเรื่องไปยังกรธ.และกกต.

นพ.เจตน์กล่าวว่า วันที่ 22 มิ.ย.นี้ ที่ ประชุมสนช.จะพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ… และร่างพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ…. ในวาระ 2 และ 3 ซึ่งสาระสำคัญเป็นการพิจารณาโครงสร้างการจัดทำคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศตามหมวด 16 ของรัฐธรรมนูญ

50ปี “ปู” – นางพันทองทา คุรากรวงศ์ พร้อมครอบครัว และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมหน้าเดินทางไปมอบแจกันดอกไม้อวยพรวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษร์ ชินวัตร อาสาว ซึ่งมีอายุครบ 50 ปี ในวันที่ 21 มิ.ย.นี้

ปูทำบุญครบรอบ 50 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 21 มิ.ย.เป็นวันคล้ายวันเกิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งจะมีอายุครบ 50 ปีบริบูรณ์ คนใกล้ชิดเผยว่าอดีตนายกฯพร้อมครอบครัวจะไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดสระเกศราชวรวิหาร โดยมีกลุ่มคนสนิทและมิตรสหายไปร่วมทำบุญด้วย ก่อนถึงวันคล้ายวันเกิด เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นางพินทองทา คุณากรวงศ์ พร้อมครอบครัว และน.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปอวยพรวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้าพร้อมโพสต์รูปและข้อความในเฟซบุ๊กว่า “กำลังใจจากหลานและหลานตัวน้อย มาให้อา/ยาย ในวันเกิดล่วงหน้า”

ตั้ง”ภุชพงค์ โนดไธสง”ผอ.สถิติ

วันที่ 20 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติแต่งตั้งตามที่กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เสนอ ให้ นายภุชพงค์ โนดไธสง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เป็น ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแต่งตั้ง น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม

ครม.เห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม เสนอ 7 คน ดังนี้ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นประธาน นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน นางจินตนา พันธุฟัก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน นายศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม นายสุรพล ทิพย์เสนากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นายลือชัย ศรีเงินยวง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล นางนรีวรรณ จินตกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เป็นต้นไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน