รถไฟขนผัก

ใบตองแห้ง

“รถไฟความเร็วสูง ขนผักแล้วผักไม่เน่านะคะ” ยังจำ ได้ไหม ใครพูด แหม ทำมาหลั่งน้ำตาตัดพ้อทำบุญ วันเกิด สู้ลุงตู่ก็ไม่ได้ ชายชาติทหาร พูดตรงไปตรงมา รถไฟความเร็วปานกลาง ขนคนยังไงก็ไม่คุ้ม แต่หวังประโยชน์เศรษฐกิจสองข้างทาง

3 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก จากรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-โคราช 1.4 แสนล้าน มาเป็นรถไฟจีนความเร็วปานกลาง 1.8 แสนล้าน ใช้เงินคนไทยทั้งหมด แต่ง้องอนจีนแทบทุกอย่าง

“มันตลกตรงที่ผมเชื่อว่า สักวันเราก็จะมีรถไฟความเร็วสูง ประเทศจีนจะทำให้เราไม่ใช่หรือ โดยที่เราไม่ต้องใช้ภาษีของคนไทยด้วยซ้ำ แล้วเราจะไปกู้เงินมาทำไม” ยังจำได้ไหม น้าอาจำได้ใช่ไหม วาทกรรมอมตะ

ตลกดีนะ เมื่อมองย้อนไป กระแสต้าน “รถไฟขนผัก” เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน พากันทำ infographic เทียบแบงก์ ใบละพันเรียงต่อกันรอบโลกได้ 9 รอบ เรียงจากแม่สาย ถึงเบตงได้ 220 เที่ยว ปูพื้นสนามบินดอนเมืองได้ 4 สนาม ฯลฯ มาวันนี้ลบทิ้งหมด ไม่ยักเก็บไว้สอนลูกหลาน เล่าวีรกรรมกู้ชาติบ้านเมือง

ถ้าตั้งโครงการ “ตามหาคนหาย” หาคนพูดในอดีต ทั้งนักการเมืองที่โวยวาย เงินต้น 2 ล้านล้าน ดอกเบี้ย 50 ปี 3 ล้านล้าน หรือนักเศรษฐศาสตร์ 300 ปีคุ้มทุน ยังไม่ทราบจะหาเจอไหม

บางคนมามาดใหม่ เฮ้ย ตอนนั้นเราไม่ได้ต้านรถไฟความเร็วสูง เราต้านนิรโทษสุดซอยต่างหาก รถไฟความ เร็วสูงถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตก เพราะส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ไม่เหมือนสนช. ขาดประชุมโดยส่งใบลาไม่ผิดจริยธรรม

อ้อๆ ตอนนั้น “รัฐบาลอีปู” ออกพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านโดยใช้ “เผด็จการรัฐสภา” ไม่เหมือนรัฐบาลลุงตู่เดินหน้าไทยแลนด์ 4.0 แค่ใช้ ม.44 แก้ปัญหาติดขัดบางประการ

มีเหมือนกัน บางท่านยังยืดอก เช่น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ตั้งข้อกังขา ม.44 ยกเว้นพ.ร.บ.ฮั้วประมูล ไม่ยักทำอย่างชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่จะเปิดแข่งขันเสรี ยอมรับกลไกตรวจสอบทุกอย่าง

แต่เชื่อเถอะ กระแสวิจารณ์ ม.44 รถไฟจีนไม่กระเทือนเสถียรภาพรัฐบาลหรอก ก็เหมือนซื้อเรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล้าน แล้วยังซื้อรถเกราะล้อยาง 2.3 พันล้าน หรือแม้แต่ ม.44 นั่งหลังรถกระบะที่ถูกต้าน ถอยบ้าง ไม่เห็นเป็นไร ก็ยังมีประชาชนไปตอบ 4 คำถาม 50 คำถาม แสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่มีธรรมาภิบาลแหงๆ แต่ไม่ต้องแยแสธรรมาภิบาลยุคปัจจุบัน

นี่เป็นอย่างที่เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ชี้ภาพสังคมไทยว่า “ชนชั้นนำภาครัฐ” จะสืบทอดอำนาจไปอีกอย่างน้อย 10 ปี ด้วยการสนับสนุนของกลุ่มทุนใหญ่ ภาคธุรกิจ คนชั้นกลางในเมือง โดยขายฝัน “มาสเตอร์แพลน” ไทยแลนด์ 4.0 นำประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง และชู “ประชารัฐ” ลดความเหลื่อมล้ำ มาแทนที่ประชานิยม

ฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจ “ชนชั้นนำภาครัฐ” จะทำอะไรก็ได้ เอาที่สบายใจ เพราะเป็นความหวังเดียวของคนชั้นกลางระดับบน คนมั่งมี ที่จะตรึงคนชั้นล่าง คนเห็นต่าง ไม่ให้มีเสรีภาพในการแสดงออก ไม่ให้ทวงอำนาจผ่านระบอบประชาธิปไตยเลือกตั้ง โดยหวังว่าใช้เวลาซักสิบปี ไทยแลนด์ 4.0 และการลงทะเบียนคนจน ช่วยเหลือสงเคราะห์ CSR นายทุนปลูกป่า บริจาคผ้าห่ม ฯลฯ จะทำให้คนไทยทุกชนชั้นลืมตาอ้าปาก หันกลับมาร้องเพลง “รักกันไว้เถิด” ตาม ม.ล.ปนัดดา

ปัดโธ่ ใครว่าคนชั้นกลางไทยสองมาตรฐาน แค่หลับตาข้างลืมตาข้างชั่วคราว เราเป็นคนดีมีศีลธรรม เข้าวัดเข้าวา ฉะนั้น เราไม่วิจารณ์ ม.44 รถไฟจีน เชียร์รัฐบาลจับพวกโกงเงินวัดดีกว่า กระบวนการไม่สำคัญเท่าเนื้อหา ใครว่ารถไฟจีนตรวจสอบไม่ได้ ก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าโกงจริงเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน (แต่ก็นะ คนสมัยนี้ฟังไม่ได้ศัพท์ พี่ทหารเค้าพูดว่าห้าคัน ดันฟังเป็นห้าพัน)

สิบปีเท่านั้น ขอเวลาอีกไม่นาน ที่จะอยู่กันแบบนี้ แบบนายกฯ มอบรางวัลเด็กสอบได้ที่หนึ่งนิติศาสตร์ แต่ตำรวจทหารไปค้นบ้าน “ดาวดิน” โดยไม่ต้องมีหมายศาล อย่ามาถามว่าเราจะเรียนนิติศาสตร์กันทำไม

สิบปีเท่านั้น เดี๋ยวก็ชินไปเอง ระหว่างนี้ก็หาดราม่าระบายในโลกออนไลน์ หรือดูละครหลังข่าว พระเอกเป็นทหาร นางเอกเป็นหมอ อย่าไปอ่านข่าวหมอสาวด่าทหารจัดงานแต่งปิดถนน

สิบปีเท่านั้นบวกก่อนหน้านี้อีกสิบปี ยังไงก็ไม่กลายเป็น “สันดาน” ไม่กลายเป็นชนชั้นกลวงสามานย์เหมือนที่ด่าทุนสามานย์หรอก เอ๊ะ ใช่หรือไม่ใช่

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน