เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่…) พ.ศ….. ตามที่ครม.เสนอมา มีสาระสำคัญคือ การจ่ายเงินสงเคราะห์โดยนำเงินจากกองทุนภาษีบาปร้อยละ 2 จำนวน 4,000 ล้านบาทต่อปี มาเพิ่มเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยตามที่ขึ้นทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ

โดยผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย จะได้เบี้ยยังชีพเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 100 บาทต่อเดือน อาทิ เดิมคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีรายได้น้อย จากที่เคยได้เบี้ยยังชีพ 600 บาท เพิ่มเป็น 700 บาท อายุ 70 ปี จากเดิมได้ 700 บาท เพิ่มเป็น 800 บาท โดยจะมีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี และไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีรายได้น้อยได้รับสิทธิดังกล่าวกว่า 3 ล้านคน

สมาชิกสนช.ส่วนใหญ่ อาทิ นายสมชาย แสวงการ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ อภิปรายสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากมีผู้สูงอายุในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส ควรได้รับเบี้ยยังชีพเพิ่มขึ้น และควรคัดกรองกลุ่มผู้สูงอายุที่เดือดร้อนจริงๆ เพื่อความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ จากนั้นที่ประชุมสนช.มีมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ด้วยคะแนน 205 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 4 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ 19 คน พิจารณา 45 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน