เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) แถลงว่า ในการประชุมสนช.วันที่ 19 ต.ค. จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน วาระ 2 และ 3 น่าจะใช้เวลาพิจารณานานพอสมควร โดยมีทั้งหมด 114 มาตรา มีผู้สงวนคำแปรญัตติ 22 มาตรา 28 ประเด็น มีผู้ที่สงวนคำแปรญัตติ แบ่งเป็น 3 ฝ่าย คือ 1.คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) 2.กรรมาธิการ(กมธ.)ที่มาจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) และ3.ผู้แปรญัตติของสนช.
โดยกรธ.ยืนยันทุกประเด็นในร่างที่เสนอในชั้นรับหลักการ ซึ่งในการพิจารณามีความเห็นแตกต่างกันจนมีการลงมติในหลายมาตรา มีกมธ.ทั้งเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย โดยเฉพาะในมาตรา 7 วรรคท้าย เกี่ยวกับอำนาจผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) ซึ่งกมธ.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ และเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเขียนไว้ เพราะเป็นการใช้อำนาจเกินอำนาจของผู้ว่าการสตง. อีกทั้งกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ(ป.ป.ท.)ทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว เช่นเดียวกับองค์กรอิสระอื่น ทั้งนี้ ความเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องความคิดเห็นไม่มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง
นพ.เจตน์ กล่าวว่า ในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะมีบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้คตง.ชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่งจนครบวาระ รวมทั้งทำหน้าที่สรรหาผู้ว่าการสตง.ด้วย ซึ่งร่างดังกล่าวจะมีความชัดเจนในการตรวจสอบการใช้งบประมาณท้องถิ่น ว่าเป็นอำนาจของใครระหว่างผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ส่วนกรณีอาจจะมีการตั้งกมธ.ร่วม 3 ฝ่ายในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ขึ้นอยู่กับกรธ.ว่ามีประเด็นใดที่ยังเห็นว่าเป็นความขัดหรือแย้งและจะทำหนังสือทักท้วงมา ขอให้สนช.ได้ตั้งกมธ.ร่วมเพื่อทบทวนในประเด็นใดบ้าง
ขณะนี้มีร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ค้างพิจารณาอยู่จำนวน 3 ฉบับ คือ 1.ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป.ป.ช. ซึ่งคาดว่าจะส่งให้ประธานสนช. หลังงานพระราชพิธี หรือวันที่ 31 ต.ค.นี้ 2.ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจะยังคงกำหนดเดิม ในวันที่ 21 พ.ย. และ3.ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. จะส่งให้สนช.ในวันที่ 28 พ.ย.นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน