วันที่ 18 พ.ย. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรธ. และกกต. แถลงวิธีการคิดคะแนนส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสมว่า ตนเคยบอกแล้วว่าระบบนี้ไม่ทำให้พรรคไหนได้เสียงเกินครึ่งหนึ่ง หรือแบบถล่มทลาย การปัดเศษคะแนนแบบที่ผู้ร่างคิด จะทำให้เกิดการคิดแบบศรีธนญชัย เชื่อว่ามีบางพรรค คิดวิธีรับมือไว้แล้ว โดยจะแตกย่อยพรรคแม่ พรรคลูก แยกกันเดินแยกกันตี แล้วไปรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลภายหลัง

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคใหญ่บางพรรคกล้าทำแล้วเกิดผลที่ว่าจริง เขาจะได้เสียงเกิน 250 เสียงแน่นอน เช่น อาจจะได้ 270 เสียง แต่ยังไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาเพียงพรรคเดียว เพราะนายกฯ ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา 375 เสียง ปัญหาคือจะเกิดฝ่ายค้านที่มีเสียงมากกว่ารัฐบาล แบบนี้มันดูกลับตาลปัตร

นายนิพิฎฐ์ กล่าว เชื่อว่า พรรคใหญ่เขาไม่หวังเป็นนายกฯแล้ว เพราะไม่ว่าใครก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ แค่ไม่เกิน 3-4 เดือน หลังจากรัฐบาลใหม่ที่มีเสียงข้างน้อยเข้ามาแล้วเสนอกฎหมายงบประมาณเข้าสภา จะถูกฝ่ายค้านเสียงมากกว่าคว่ำกฎหมาย ถ้ากฎหมายงบถูกคว่ำ รัฐบาลต้องยุบสภา หรือลาออก ปัญหาหลังเลือกตั้ง จึงไม่ใช่การหานายกฯ ไม่ได้ แต่คือรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ไม่มีเสถียรภาพ หรือความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ต่างชาติไม่เชื่อมั่น ไม่มีใครลงทุน หรือคบค้าด้วย

“ตามที่ผมเคยฟันธงไว้ว่า อาจต้องมีการยึดอำนาจอีก ถ้าเป็นปัญหาแบบที่ผมว่า จะไปต่อไม่ได้ ต้องโทษคนออกแบบกฎหมายแบบนี้ ที่ให้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งอยู่ไม่ได้ ปัจจัยที่จะทำให้เกิดวิกฤตอีกอย่างคือ ส.ว. 250 คนที่คสช.แต่งตั้ง จะยอมเลือกรายชื่อนายกฯ ที่ถูกเสนอชื่อรอบแรกจากส.ส.หรือไม่ ถ้าไม่เลือก ก็แสดงว่าส.ว.จะไปเลือกคนที่มาจากเสียงข้างน้อยในสภา ถ้าส.ว.เขาไม่เลือก ก็เกิดวิกฤตอยู่แล้ว จากนั้นความชอบธรรมของการยึดอำนาจมันก็มี คนจะรังเกียจนักการเมืองอีก ทะเลาะกันอีกแล้วหรือ ประชาชนจะด่าว่า เลือกตั้งมา 3-4 เดือน ยุบแล้วอีกแล้ว นักการเมือง เป็นตัวปัญหาทำให้เกิดการยึดอำนาจอีกแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าคนวางระบบ ได้วางกับดักไว้อย่างนี้” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงวิธีคำนวณหาส.ส.ของกรธ. และ กกต. ที่หากส.ส.เขตเต็มเพดานก็ไม่มีสิทธิได้ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า การเลือกตั้งคือการสะท้อนการตัดสินใจของประชาชน ถ้าประชาชนต้องการสนับสนุนพรรคใดให้ได้คะแนนเสียงเท่าใดก็ควรสะท้อนกับจำนวนที่นั่งที่แต่ละพรรคควรจะได้

นายนพดล กล่าวว่า ฉะนั้น การเลือกตั้งแบบใหม่ สมมติว่าประชาชน 80 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนพรรคหนึ่ง ก็จะได้ที่นั่งเพียง 350 คนจาก 500 คน เท่ากับจะได้ 70 เปอร์เซ็นต์ของที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่นั่งของส.ส.ควรจะได้ 400 ที่นั่ง ผลที่ตามมาทำให้ที่นั่งส.ส.ลดลง ต้องถามกรธ.ว่าระบบนี้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนหรือไม่ มีเหตุมีผลหรือไม่ และเป็นธรรมแล้วหรือไม่

นายนพดล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจและคงนำมาพูดคุยกันต่อไป ต้องยอมรับว่าระบบใหม่ทำให้ส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ละพรรคได้จำนวนน้อยลง เมื่อก่อนส.ส.บัญชีรายชื่อที่อยู่ลำดับที่ 1-30 คน อาจได้เป็นส.ส. แต่ระบบใหม่ไม่แน่เพราะถ้าได้จำนวนส.ส.เขตมาก ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จะลดน้อยลง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน