‘กรณ์’ ชี้เป็นรัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์ ออก พ.ร.ก.กู้เงิน 2 รอบ รวมกว่า 3 ล้านล้านบาท แนะต้องใช้ให้คุ้ม อย่าแจกแนวเดิม เงินละลายไม่เกิดประโยชน์

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2564 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีมติออก พ.ร.ก.กู้เงิน 700,000 ล้านบาท ว่า นับเป็นรัฐบาลที่ออก พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉินนอกระบบงบประมาณถึง 2 ครั้งเป็นรัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์ โดยครั้งแรกสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ตนเป็น รมว.คลัง เพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจโลก Hamburger สำเร็จด้วย พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นไวเป็นอันดับ 2 ของโลก และอีกครั้งในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ โดยอ้างเหตุแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้เพราะโครงการไม่พร้อม

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า มาถึงรัฐบาลนี้ออก พ.ร.ก.พิเศษกู้เงินแก้วิกฤตโควิดสองรอบ (1 ล้านล้านบาท บวก 7 แสนล้านบาท) รวม 1.7 ล้านล้านบาท เท่ากับ 10% ของจีดีพี รอบล่าสุดนี้ ก้อนแรก 7 แสนล้านบาทคือการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณปี 2565 ก้อนสองอีก 7 แสนล้านบาทโดยออกเป็นพ.ร.ก.พิเศษ รวม 1.4 ล้านล้านบาท รวม 2 ปี การกู้ทั้งหมดของ ปี 64 และ ปี 65 รวมเกือบ 3 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 20% ของจีดีพี สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำ และฟื้นช้าเพราะวัคซีนยังไม่เรียบร้อยดี คนไทยยังกลับไปทำมาหากินยังไม่ได้ รัฐบาลจึงต้องกู้ และกู้โดยไม่มีทางเลือกอื่น

“หากถามว่า การกู้ครั้งใหม่นี้มีผลต่อเสถียรภาพทางการคลังหรือไม่ คำตอบคือในสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่กู้ไม่ได้อยู่ดี โดยที่ภาระต่องบประมาณยังรับได้อยู่ สัดส่วนงบดอกเบี้ยและงบคืนเงินต้น เทียบกับงบรายจ่ายโดยรวมของรัฐบาล แต่นั่นเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยช่วงนี้ต่ำมาก และเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นว่าดอกเบี้ยนโยบายประเทศอื่นจะปรับขึ้น เพราะสัญญาณเงินเฟ้อเริ่มกลับมาจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ทั้งหมดจะไม่เป็นปัญหาหากเศรษฐกิจเราฟื้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าจีดีพีเราโตได้เฉลี่ยเพียงปีละ 2-3% ไปอีก 4-5 ปี เราอาจจะเริ่มมีปัญหา”

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า การใช้เงินจึงต้องเข้าเป้า และนี่คือโจทย์ที่สำคัญที่สุด ต้องกู้แต่ต้องใช้เงินกู้ให้คุ้มที่สุด รอบแรก 1 ล้านล้านบาท ตนให้แค่ 6/10 คะแนน จากส่วนเยียวยา ตนถือว่ารัฐบาลทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น “เราไม่ทิ้งกัน” หรือ “คนละครึ่ง” แต่ที่หัก 4 คะแนน ตนว่าผิดเป้า เพราะเอาไปฟื้นฟูในเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียเยอะ และเบิกจ่ายช้ามาก ไม่สมกับเป็นงบฉุกเฉินตามนิยามของ พ.ร.ก. รอบใหม่นี้ไม่ควรแจกแนวเดิม และไม่ควรมีเรื่องฟื้นฟูไม่เป็นเรื่องอีกเลย แต่ต้องยิงให้เข้าเป้า นั่นคือเป้าหมายหล่อเลี้ยงผู้ประกอบการขนาดเล็ก SMEs ร้านอาหาร ธุรกิจภาคบริการทั้งระบบให้อยู่รอดจนถึงการฉีดวัคซีนครบตามเป้า

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า พรรคกล้า เสนอทางออกไปหลายครั้งเพื่อแก้ปัญหา อย่างล่าสุดเราเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการเพื่อช่วยทุกคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร แต่ก็ถูกกระทรวงการคลังปฏิเสธ ส่วนในเงินกู้ 7 แสนล้านบาทใหม่ มีส่วนที่กันไว้เพื่อการฟื้นฟูสูงถึง 270,000 ล้านบาท ตรงนี้ก็จะนำไปสู่ความผิดพลาดซํ้ากับปีที่ผ่านมา ตรงนี้ต้องปรับ และสำคัญที่สุดที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลต้องเร่งทำคือ ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ มิเช่นนั้นเงินกู้ทั้งหมดนี้ก็จะถูกละลายหายไปโดยที่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ทำให้คนไทยรู้สึกมีความหวังมากขึ้น ทั้งหมดนี้คือเสียงสะท้อนจากเฮือกสุดท้ายของผู้ประกอบการ รวมไปถึงกรอบเงินกู้ที่ล้นชนเพดานแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน