เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวว่า ในการจัดทำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นครั้งแรกที่กรธ.เชิญเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาร่วมพิจารณาร่วมกับกรธ.ตั้งแต่ต้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่กกต.ช่วยตรวจดูความถูกต้องของร่างพ.ร.บ. และนำไปเสนอต่อกกต.ทั้ง 5 คนและให้ทำความเห็นกลับมายังกรธ. ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมืออย่างดี

นายมีชัย กล่าวว่า ภาพรวมของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อให้การเลือกตั้งส.ส.สุจริตและเที่ยงธรรม กรธ.จึงบัญญัติหลักการสำคัญหลายประการเข้าไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ เช่น การกำหนดให้เบอร์ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ของพรรคการเมืองในแต่ละเขตเลือกตั้งไม่ซ้ำกัน

นายมีชัย กล่าวว่า สาเหตุที่กำหนดเช่นนี้ เพื่อให้คะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นคะแนนเสียงที่มีความสำคัญและผู้เลือกตั้งต้องดูทั้งพรรคและบุคคล เราจึงคิดว่าการจะเอาความสะดวกสบายโดยให้ทุกพรรคมีเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ จะทำให้ขาดตกบกพร่องในเรื่องการพิจารณาตัวบุคคลให้เป็นผู้สมัครแต่ละเขต เราจึงกำหนดให้แต่ละเขตมีเบอร์ของตัวเอง

“จริงอยู่ ฟังดูเหมือนเราจะกลับไปทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่ในอดีตก็ทำอย่างนี้ แต่ละประเทศก็น้อยมากที่ใช้เบอร์เดียวกัน บางประเทศไม่มีเบอร์ด้วยซ้ำ ให้เขียนชื่อเอาเอง จึงไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจากชาวบ้าน ข้อสำคัญ จะทำให้พรรคต้องเลือกคนที่คนในพื้นที่รับรู้และพอใจมาลงสมัคร” นายมีชัย กล่าว

ประธานกรธ.กล่าวว่า ที่สำคัญกติกาการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้ประชาชนมีทางเลือกออกเสียงมากขึ้น คือให้ประชาชนสามารถลงคะแนนไม่ประสงค์จะเลือกผู้สมัครคนใดได้ เดิมไม่เคยนำเอาคะแนนส่วนนี้มานับ แต่คราวนี้ให้นำคะแนนนั้นมานับแล้วประกาศให้ประชาชนทราบ ถ้าในเขตเลือกตั้งใด ผู้สมัครไม่มีใครได้คะแนนเกินกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใด ผู้สมัครทั้งหมดในเขตนั้นจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง และจะไม่มีสิทธิสมัครในการเลือกตั้งแทนคราวนั้น ต้องกลับไปสร้างคุณงามความดีกันใหม่อีก 4 ปีค่อยกลับมาสมัครใหม่

จากนั้น สมาชิกสนช.อภิปราย ซึ่งส่วนใหญ่สนับสนุนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่เรียกร้องให้ปรับปรุงถ้อยคำเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการทุจริต

โดยนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล สมาชิกสนช. ในฐานะตัวแทนของคณะกรรมการพิจารณาศึกษาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า คณะกรรมการ พิจารณาภาพรวมแล้ว มีข้อสังเกตบางประการ ดังนี้ มาตรา 15 ที่ให้กกต. ลงมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ หากมีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกได้จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งทั่วไปพร้อมกันได้ ซึ่งคณะกรรมการฯมีข้อสังเกตว่าควรมีมาตรการควบคุมการใช้ดุลพินิจของกกต.เกี่ยวกับการกำหนดการเลือกตั้งตามมาตรา 15 โดยเฉพาะต้องกำหนดนิยามที่ชัดเจนว่า เหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้มีขอบเขตอย่างไรบ้าง

นายนิพนธ์ กล่าวว่า เช่นเดียวกับมาตรา 75 ห้ามการกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน คณะกรรมการฯ เห็นว่าควรกำหนดความผิดให้ครอบคลุมถึงบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องด้วย รวมถึงควรเอาผิดกับส.ส.หรือส.ว.ที่ใช้งบประมาณของประเทศ เพื่อจูงใจให้ประชาชนเลือกตนเองในครั้งต่อไปด้วย

ด้านนายมีชัย ชี้แจงว่า ในภาพรวมของร่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส.ที่สนช.พิจารณา ส่วนใหญ่กรธ.ได้แก้ไขตามข้อเสนอของสนช.มาก่อนแล้ว เช่น มาตรา 75 ซึ่งกรธ.ได้ปรับปรุงถ้อยคำให้ รวมถึงบุคคลอื่นที่กระทำความผิดด้วย ไม่ใช่เฉพาะผู้สมัครเพียงอย่างเดียว

นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนมาตรา 15 นั้น ในระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายในชั้นของกรธ.ได้เล็งเห็นถึงการกำหนดนิยามเช่นกัน แต่เห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดนิยามลงไปว่า จะให้คำว่าเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกได้จะให้ครอบคลุมเรื่องอะไรบ้าง เพราะเหตุจำเป็นเร่งด่วนในแต่ละกรณีมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หากมีประเด็นที่จำเป็นต้องแก้ไขถ้อยคำให้ชัดเจน สามารถดำเนินการในขั้นตอนของกมธ.วิสามัญของสนช.ต่อไป

จากนั้นที่ประชุมมติรับหลักการ ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. วาระแรก ด้วยคะแนน 188 งด 5 ไม่ลงคะแนน 1 พร้อมตั้งกมธ.วิสามัญ 33 คน พิจารณาให้เสร็จภายใน 58 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน