เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 พ.ย. ที่ประชุมสนช. พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธษนกรธ. ชี้แจงว่า สาระสำคัญที่สุดของร่างกฎหมายนี้ คือการแบ่งกลุ่มบุคคลที่จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกและวิธีการเลือก ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง ได้กำหนดเป็นแนวทางในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ซึ่งในชั้นการพิจารณาสมมติไว้ 20 กลุ่ม เพื่อให้ประชาชนทุกอาชีพและทั่วประเทศ มีส่วนใช้สิทธิถ้วนหน้า ให้ทุกคนไม่ว่าอาชีพใด มีสิทธิเข้าสมัครรับเลือกในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้เสมอ

นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนที่ห่วงเรื่องความไม่เป็นธรรม เพราะประชากรแต่ละจังหวัดแตกต่างกัน โดยเฉพาะพื้นที่กทม. จะมีกลุ่มคนที่มีสาขาอาชีพที่เด่นดังจำนวนมาก แต่หลักการการมีส.ว.คือการเป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ ตามสาขาหรือคุณลักษณะที่สังกัดอยู่ ไม่ใช่เอาตัวจังหวัดเป็นเกณฑ์ หากดูคุณสมบัติจะเห็นชัดว่า การกำหนดคุณลักษณะเกี่ยวกับสถานที่ กรธ.กำหนดไว้หลายอย่าง ดังนั้น ผู้สมัครแต่ละคนสามารถเลือกไปลงสมัครได้หลายแห่ง สำคัญที่สุดขอให้คงหลักการว่าทุกคนที่มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม ต้องลงสมัครได้ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ส่วนวิธีการเลือกที่เป็นการเลือกไขว้ เพื่อป้องกันการฮั้ว หากถ้าสนช.มีอะไรที่เพิ่มเติมเสริมแต่งเพื่อป้องกันเล่ห์เพทุบายได้ กรธ.ก็ยินดีรับฟัง

จากนั้นสมาชิกอภิปราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นห่วงวิธีการเลือกไขว้ และการบล็อกโหวต เช่น นายกล้านรงค์ จันทิก กล่าวว่า เข้าใจดีว่ากรธ.พยายามร่างกฎหมายเพื่อให้ได้ส.ว.ที่มีความรู้ ความสามารถ และทำงานตอบสนองได้ทุกสาขาอาชีพ ขจัดการซื้อเสียง แต่ข้อกังวลคือการเลือกตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ค่อนข้างสับสนและจะมีปัญหามาก แต่ละจังหวัดมีพื้นที่เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน เราต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองเขาคุมจังหวัด จึงเกรงว่าสิ่งที่กรธ.วางไว้จะไม่ได้ผลตามเจตนารมณ์เพราะบล็อกกันได้ ทั้งนี้ การแปรญัตติให้กฎหมายดังกล่าวสมบูรณ์ก็ยากที่สุด อยากสะท้อนสู่กรธ. ว่าทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาการซื้อเสียง การบล็อกโหวต และระบบนี้จะแก้ปัญหาได้ดีกว่าระบบการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือไม่

หลังการอภิปราย ประธานกรธ. ชี้แจงว่า ถ้าเราไม่มีความหวังที่จะทำสิ่งใหม่เดินไปข้างหน้า เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด บ้านเมืองคงจมปลักที่เดิม ไม่ต้องลุกขึ้นมาปฏิรูปประเทศ ไม่ต้องทำยุทธศาสตร์ สิ่งที่ทำวันนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าคนไทยพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด ถ้าคิดเพียงสิ่งที่เคยเป็นมา อาจจะเป็นอย่างที่สมาชิกพูด นั่นแปลว่าคนไทยถูกซื้อได้หมดทุกคน ไม่ว่าจะใช้ระบบอะไรจะเกิดผลอย่างเดียวกัน แต่ความหวังคือคนไทยไม่ได้เป็นแบบนั้น ยังมีสิ่งดีงามลึกๆในตัวคนไทย เพียงแต่เขามีทางออกมากน้อยแค่ไหน คิดว่าความน่าเป็นห่วงก็มีอยู่ แต่กรธ.พยายามหาลู่ทางขจัดให้เหลือน้อยที่สุด และหากสนช.ช่วยคิดเพิ่มเติมให้ดีกว่าที่มีอยู่ก็จะเป็นพระคุณใหญ่หลวง

ต่อมาที่ประชุม ลงมติรับหลักการวาระแรก ด้วยคะแนนเห็นด้วย 177 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 10 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อพิจารณา 27 คน แปรญัตติภายใน 15 วัน และกำหนดเวลาพิจารณาของกมธ. 58 วัน นับตั้งแต่วันรับหลักการวาระแรก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน