“ชูศักดิ์ ศิรินิล” เปิดร่างกฎหมายพรรคการเมือง – กฎหมายเลือกตั้งฉบับ พรรคเพื่อไทย เดินหน้าทวงคืนการเลือกตั้ง คืนสิทธิเสรีภาพ และ ประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านการเมือง รัฐธรรมนูญ ความเป็นประชาธิปไตยพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .… และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. …. ฉบับของพรรค พท.ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 24-25 ก.พ.ว่า

พรรค พท. เสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีเป้าประสงค์ที่จะแก้ไขในส่วนที่บทบัญญัติเดิมบกพร่องไม่สมบูรณ์ และเพิ่มในส่วนของสิทธิเสรีภาพความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชน มุ่งหมายคืนประชาธิปไตยให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเท่าที่จะทำได้

โดยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ฉบับของพรรคพท.มีสาระสำคัญดังนี้ 1.การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หลักทั่วไป คือเอาคะแนนรวมทั้งประเทศมาหารด้วย 100 คน เมื่อหารแล้วจะได้คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จากนั้นก็เอาคะแนนรวมที่พรรคได้รับมาหารด้วยคะแนนเฉลี่ยต่อส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน ก็จะได้ว่าพรรคนี้จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนเต็มเท่าไร เบื้องต้นก็จะคิดจากจำนวนเต็ม ส.ส. 100 คนก่อน หากได้ ส.ส.ครบ 100 ก็ถือว่าจบ

แต่ถ้าคำนวณออกมาแล้วได้ ส.ส.ไม่ครบ 100 คน เช่นคำนวณแต่ละพรรคแล้วได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมา 98 คน ขาดไปอีก 2 คน ก็จะไปคิดเศษจากพรรคการเมืองอื่นๆ เข้าใจง่ายๆ เศษที่เป็นจุดทศนิยม โดยพรรคพท.เห็นว่าควรให้สิทธิแก่พรรคการเมือง ที่ผลจากการคำนวณครั้งแรกไม่ถึงเกณฑ์ค่าเฉลี่ย เพื่อเปิดโอกาสให้กับพรรคการเมืองต่างๆ หลักการนี้เคยใช้มาแล้วในการเลือกตั้งปี 2554 หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนั้น เพียงแต่ในเวลานั้นพรรคที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำในรอบแรกจะถูกตัดออกไปเลย

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า 2.เรื่องสำคัญที่พรรคพท.นำเสนอ คือเรื่องของการให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อเป็นหมายเลขเดียวกัน เป็นวิธีที่พรรคการเมืองนิยมและประชาชนชื่นชอบ เพราะไม่สร้างความสับสนให้ประชาชนในการเลือกตั้ง แต่ปัญหาใหญ่ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ไม่ได้แก้ไขในมาตราที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ มาตรา 90 ไม่ได้มีการแก้ไข กำหนดให้ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตก่อนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีการตีความกันว่าต้องให้มีการสมัครแบบเขตก่อนถึงจะสมัครแบบบัญชีรายชื่อ ทำให้มีความกังวลกันอยู่

พรรค พท.พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถทำได้ คือให้มีการเปิดรับสมัคร ส.ส.เขต ก่อน แต่ยังจะไม่ได้รับหมายเลข จากนั้นจึงเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันที่สอง ซึ่งจะมีการจับหมายเลขเลยในวันนั้น จะได้หมายเลขของพรรคการเมืองแล้วกำหนดให้การสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อจบก่อนการปิดรับสมัคร ส.ส. เขต กำหนดให้สมัครแบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่าสามวัน วิธีการนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะสามารถจดจำเบอร์พรรคและเบอร์ผู้สมัครที่ตัวเองชื่นชอบได้ง่าย

3.เสนอให้มีการแก้ไขรายละเอียดในประเด็นอื่นๆ เช่น การเพิ่มกรรมการประจำหน่วยจาก 5 คนเป็น 7 คน เนื่องจากมีการเพิ่มเขตเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งที่นอกจากต้องเป็นเขตติดต่อกันแล้วต้องให้ประชากรของทุกๆ เขตแตกต่างกันไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ และแก้ไขเรื่องระยะเวลาต่างๆ เพื่อความสะดวกของพี่น้องประชาชน

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พรรค พท.ได้เสนอแก้ไขหลายมาตรา หลังจากได้พิจารณาตั้งแต่มาตราแรกจนมาตราสุดท้ายแล้ว เห็นว่านอกจากมาตราที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ก็ควรเสนอแก้ไขมาตราอื่นๆ เพิ่ม เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยและเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองและประชาชนมากขึ้น โดยประเด็นสำคัญที่เสนอให้มีการแก้ไขดังนี้

1.ยกเลิกการเก็บค่าบำรุงพรรคการเมือง เนื่องจากสร้างความยุ่งยากและข้อจำกัดให้ประชาชนพอสมควร สร้างปัญหาแก่พรรคการเมืองโดยเฉพาะการเสียค่าบำรุงเป็นรายปี การไม่ชำระค่าบำรุงสองปีติดต่อกันทำให้ขาดจากสมาชิก แต่ถ้าพรรคการเมืองใดเห็นสมควรจะเรียกเก็บก็ให้กำหนดในข้อบังคับพรรค

2.ความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ จึงเสนอให้ยกเลิกการกำหนดคุณสมบัติความเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เทียบเท่ากับคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. เพราะการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองควรเป็นสิทธิเสรีภาพ เป็นสิทธิทางการเมืองและเป็นสิทธิพลเมืองที่สำคัญของประชาชน จึงแก้ไขให้ความเป็นสมาชิกพรรคแตกต่างจากคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นสมาชิก พรรคการเมืองมากขึ้น

3.แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดกรณีการยินยอมให้บุคคลภายนอกครอบงำ ควบคุมสั่งการทำให้พรรคการเมืองขาดความเป็นอิสระ ที่ถือเป็นความผิดถึงขั้นยุบพรรค

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า พรรคพท.เห็นว่า 3.1 อะไรคือการครอบงำ ควบคุมและสั่งการจะต้องชัดเจน อีกทั้งกฎหมายในข้อนี้ยังเขียนต่อไปด้วยว่าต้องทำให้พรรคการเมืองนั้นขาดความเป็นอิสระ พอเขียนเช่นนี้ก็มีการตีความกันวุ่นวายไปหมด ดังนั้นจะต้องทำความกระจ่างในเรื่องนี้ คิดว่าการขอคำปรึกษาหารือกับบุคคลต่างๆ ควรเป็นเรื่องปกติ

3.2 เรายืนยันหลักการว่า การพูดจาทำความเข้าใจให้คำปรึกษา คำแนะนำ แต่พรรคยังเป็นอิสระในการทำหน้าที่หรือตัดสินใจ เรื่องนั้นไม่ควรเป็นการครอบงำ ควบคุม สั่งการ จึงมีการเพิ่มข้อความในบทบัญญัตินี้เป็นวรรคสองว่า “การให้คำปรึกษา การให้คำแนะนำใดๆ ก็ตาม ไม่ถือเป็นการครอบงำ ควบคุม สั่งการ ถ้าการให้คำปรึกษานั้นเป็นเพียงการเสนอแนะ ทำความเข้าใจ โดยที่อำนาจการตัดสินใจยังคงอยู่กับพรรค”

3.3 ต้องย้ำว่าไม่ได้ตัดบทบัญญัติเดิมแต่อย่างใด เพียงแต่เพิ่มข้อความให้เกิดความกระจ่าง เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและให้มีความเป็นธรรมมากที่สุด เพื่อไม่ให้มีการใช้กฎหมายมาตรานี้ไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

4.สำหรับการจัดทำไพรมารีรับฟังความเห็นประชาชนในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรค พท.เห็นด้วยที่จะจัดทำเพราะแสดงถึงการมีส่วนร่วมของสมาชิก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการส่งผู้สมัคร แต่ที่ผ่านมาในการปฏิบัติยังเกิดความขัดแย้งกับความเป็นจริงการให้สมาชิกเพียง 50 คนมาลงคะแนน ไม่น่าจะเรียกได้ถนัดนักว่าเป็นไพรมารี หลักการควรใช้เขตจังหวัดเป็นเขตรับฟังความคิดเห็น เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัวและเป็นรูปธรรมว่ามีการไพรมารีรับฟังความเห็นประชาชนอย่างแท้จริง

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า 5.ยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำนโยบายต้องแสดงที่มาของรายได้ ความคุ้มค่า ความเสี่ยง เพราะไม่มีผลเป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติ เห็นได้จากการเสนอนโยบายของพรรคการเมืองที่ผ่านมาไม่สามารถทำได้จริง จึงให้เป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมืองในการนำเสนอและเป็นวิจารณญาณของพี่น้องประชาชนในการตรวจสอบ

6.กำหนดให้การเลิกพรรคการเมืองจะต้องผ่านที่ประชุมใหญ่โดยคะแนนเอกฉันท์ การยุบพรรคการเมืองมีความเหมาะสม ไม่ยุบกันได้ง่ายๆ การยุบพรรคการเมืองต้องเป็นกรณีที่สำคัญจริงๆ ไม่ใช้การเลิกหรือการยุบพรรคเช่นเฉพาะการล้มล้างการปกครอง และต้องมีพยานหลักฐานเป็นประจักษ์ ไม่ใช้การเลิกหรือยุบพรรคเป็นประโยชน์หรือเป็นเครื่องมือทางการเมืองแบบที่เป็นอยู่

ที่ผ่านมาพรรคการเมืองลงเลือกตั้งมาแล้วและได้เป็น ส.ส. แต่วันดีคืนดีมาเลิกพรรคเพื่อย้ายไปอยู่พรรคอื่น เท่ากับพูดปดกับพี่น้องประชาชน จึงเสนอว่าถ้าจะทำอย่างนี้ก็จะต้องผ่านที่ประชุมใหญ่ ที่จะต้องมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่ใช่อยู่ดีๆ มีมติคณะกรรมการบริหารพรรคเลิกพรรคการเมืองเลย ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับการทรยศประชาชน

นอกจากนั้นเราเสนอบทเฉพาะกาลสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่าหากมีการทำตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดไว้แล้วให้ทำได้ทุกเขต เมื่อมีการแบ่งเขตใหม่อาจมีผลทำให้เหลือสมาชิกไม่ถึง 100 คนก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ หากมีเขตใหม่และมีสมาชิกอยู่ในเขตใหม่ที่เพิ่มขึ้นแล้วก็สามารถดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องเลือกตัวแทนขึ้นอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน