นายกฯ ร่ายยาว 20 นาที แจงผลประชุม สมช.ยังดูแลกลุ่มเปราะบางต่ออีก 3 เดือน ขอช่วยประหยัดพลังงาน ค่าใช้จ่ายจะได้ลด ลั่น “ผมก็ใช้รถเท่าที่จำเป็น”

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 2565 ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ภายหลังเป็นประธานการประชุม สมช. ครั้งที่ 2/2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมยาวถึง 20 นาที ว่า การประชุมใช้เวลายาวนาน ซึ่งเป็นการประชุมในด้านพลังงาน วันนี้ เป็นการประชุม สมช. หลายคนไม่เข้าใจตรงนี้ว่า สมช.มีหน้าที่เกี่ยวข้องอย่างไร เพราะไม่ใช่เรื่องของทหาร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สมช.ไม่ใช่ดูแลเฉพาะหน่วยงานด้านทหารแต่ดูแลหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันนี้มีการหารือและกำหนดแผนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยเฉพาะปัญหาด้านพลังงาน ถ้าทุกคนติดตามความก้าวหน้าเหตุการณ์และสถานการณ์โลกปัจจุบันมีหลายปัญหา ซึ่งหน่วยงาน สมช.เป็นหน่วยงานที่ต้องดูแลเรื่องของความมั่นคงซึ่งความมั่นคงของประเทศเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและพลังงานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่วันนี้สิ่งที่ได้รับผลกระทบที่มีการวิเคราะห์กันในขณะนี้เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนเตรียมพร้อม คือ 1.เรื่องการเมืองความมั่นคงระหว่างประเทศ 2.เศรษฐกิจโลก การค้าการลงทุนต่างประเทศ 3.พลังงาน 4.เรื่องการเงินการธนาคาร 5.ผลกระทบด้านการท่องเที่ยว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การประชุมวันนี้มีการหารือระหว่างหน่วยงาน ซึ่งมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ที่ประชุมมีการกำหนดมาตรการและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ จากสาเหตุที่เกิดขึ้นในเวลานี้มีผลกระทบที่เกิดจากสงคราม รวมทั้งสงครามการค้ากินระยะเวลายาวนาน จากนี้ไป 3-6 เดือนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หรือเกิน 6 เดือนไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เราจึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประเทศไทยมากที่สุด

“แน่นอนว่าจากต้นทุนที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน เราไม่สามารถที่จะดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะทำให้มีปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดจึงต้องเตรียมความพร้อมไว้เพราะผลกระทบมีมากมายหลายส่วนด้วยกัน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า โดยสรุปเรากำหนดว่าการทำงานของเราที่ผ่านมามีมาตรการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางต่างๆ ซึ่งทำมาโดยลำดับ ตั้งแต่ช่วงเกิดโควิดและหลังการเกิดโควิด มีการคลี่คลายมากขึ้น วันนี้อยู่ในระยะ 3 เดือน คือตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. เราต้องมาดูว่าในช่วง 3 เดือนนี้มีอะไรเกิดขึ้นใหม่อีกที่มีผลกระทบในทุกๆ ด้าน เราต้องมาดูว่าเรายังมีงบประมาณอีกเท่าไร และจะหาเงินได้จากที่ไหน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าทั้งหมดไม่ได้เอื้อประโยชน์กับใคร แต่ยึดกฎหมายคุ้มครองที่มีอยู่เราพยายามทำให้มากที่สุด สิ่งที่สรุปวันนี้คือการเตรียมมาตรการ 3 เดือน ดังนั้นสิ่งที่เคยให้ไปในขณะนี้เราจะมาดูว่าเราจะพิจารณาให้อะไรเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ และจะดูแลตรงไหนได้อีกบ้าง มีเงินอีกจำนวนเท่าไหร่ จะหาเงินได้จากที่ไหน

“ถ้าใช้การกู้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเป็นการสะสมหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ ซึ่งจะมีผลต่อการเงินในระยะยาว ส่วนเรื่องการที่จะไปบังคับอะไรต่างๆ นั้น กฎหมายทำไม่ได้ ถ้าทำไปก็จะเสี่ยงถูกฟ้องร้อง ก็ต้องระมัดระวังมากที่สุด”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ข้อสรุปคือมาตรการในช่วง 3 เดือนคือตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย. การหารือวันนี้ก็มีมาตรการที่จะต่ออายุเพิ่มเติมให้ และจะหาเงินจากที่ไหนได้บ้าง หลังจากนั้น 3 เดือนต่อไป ต.ค.-ธ.ค. จะทำอะไรได้ต่อหรืออะไรที่ทำไม่ได้แล้ว ถ้าทำแล้วจะเกิดปัญหาต่อระบบการเงินการคลังก็ต้องไปดูอีก เพราะเป็นเรื่องของหนี้สาธารณะเพราะปัจจุบันตัวเลขพุ่งขึ้นตามลำดับ ก็ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้ายังมีการสู้รบอย่างนี้อีกยาวไปจนถึงปีหน้า อีก 3 เดือน ต้องพิจารณาว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้าง หลายอย่างเราทำได้แต่หลายอย่างต้องลดลงและไปดูเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนโดยเรียงลำดับมากไปหาน้อย วันนี้เป็นการสรุปปัญหามาทุกประเด็นและสถานการณ์ เราจึงต้องพิจารณาตามระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ถ้าหากนานกว่านั้นก็ต้องต่อออกไปอีก ถือเป็นการวางแผนระยะยาวและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่เราต้องเตรียมรับคือเรื่องของพลังงาน ซึ่งเราจะต้องไม่มีคำว่าขาดแคลน วันนี้เราอยู่ในเกณฑ์ที่ยังไม่ขาดแคลน แต่ยอมรับว่าราคาสูง ทั้งราคาของน้ำมันและแก๊ส ซึ่งเราต้องดูราคาในความเป็นจริงจากต่างประเทศด้วย เพราะราคาต้นทุนน้ำมันมาจากมาตรฐานตัวเดียวกัน ในส่วนของค่าการกลั่นมีกฎหมายดูแลและควบคุมอยู่ทุกฉบับ ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาคงออกมาชี้แจงอีกครั้งว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ ยืนยันไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อใคร ทำไมจะไปเอื้อประโยชน์ให้ใคร

“สิ่งแรกวันนี้คือไฟต้องไม่ดับ พลังงานต้องมีเพียงพอ วันนี้รับทราบแล้วว่าอัตราสำรองพลังงานยังใช้ได้ระยะหนึ่ง ถ้าจะไม่มีการนำเข้าอีกจะใช้ได้อีกเท่าไร เราจะอยู่ได้กี่วัน มีการหาข้อมูลกันไว้ทั้งหมดแล้ว และเตรียมแผนไว้ว่าถ้าขาดแล้วจะทำอย่างไร ถ้านำเข้าอีกไม่ได้มันก็จะเป็นปัญหา”

“สรุปแล้ววันนี้สิ่งที่ได้หารือคือการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน เรื่องพลังงาน อาหาร ผลผลิตทางการเกษตรและปัจจัยการผลิต กลไกการตลาด ภาคการขนส่ง ทั้งทางรถและทางราง สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องรู้ราคาพลังงานอย่างแท้จริงในโลก ทั้งภูมิภาคและอาเซียน ซึ่งประเทศไทยสามารถรักษาไว้ได้ในราคาเท่านี้ แต่ใช้เงินไปจำนวนมหาศาล 100,000 กว่าล้านในขณะนี้ ถ้าเราใช้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะไหวหรือไม่ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย ถ้าเรามีงบประมาณเพียงพอ ผมยินดี แต่ต้องระมัดระวังสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

“สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ขอสักอย่างได้หรือไม่ ขอให้ช่วยประหยัดกันหน่อยได้ไหม คือการประหยัดใช้พลังงาน ขอให้ใช้เท่าที่จำเป็นได้หรือไม่ ถ้าเราประหยัดค่าต่างๆ ก็จะลดลงเยอะ ค่าไฟฟ้าลดค่าเอฟทีก็ลด ถ้าเราใช้มากเหมือนเดิมก็ลำบาก ผมได้แต่ขอร้องไปบังคับพวกท่านไม่ได้อยู่แล้ว ผมเองก็ใช้รถเท่าที่จำเป็นเช่นกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน