เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าของการเข้ารับทราบข้อหาของ นักกิจกรรม และประชาชนทั้ง 39 คน กรณีเหตุการชุมนุม “คนอยากเลือกตั้ง” บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค. สน.ปทุมวันได้ออกหมายเรียกบุคคลทั้งหมด มารับทราบข้อกล่าวหา โดยมีผู้ถูกออกหมายเรียกจำนวน 33 คน ทยอยเดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน และยังมีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มาให้ความช่วยเหลือด้านคดีความ โดยมีนายสุณัย ผาสุข ผู้ประสานงานองค์กรฮิวแมนไรท์ วอชช์ ประเทศไทยที่มาสังเกตการณ์ในวันนี้

อย่างไรก็ตาม แกนนำบางส่วนอย่าง นายอานนท์ นำภา นายรังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ และนายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล ไม่สามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้ เนื่องจากติดธุระส่วนตัว

โดยบรรยากาศก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผงกั้นรอบ สน.ปทุมวัน เพื่อสกัดกลุ่มประชาชนเข้ามาในพื้นที่ พร้อมวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วย อาทิ จากสน.ปทุมวัน, ฝ่ายตำรวจปฏิบัติการพิเศษ ตร.นครบาล และทหารนอกเครื่องแบบ

น.ส.เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ทนายความด้านสิทธิมนุษย์ชน กล่าวว่า ในส่วนความผิด ตามพรบ.ชุมนุม ถือว่าเป็นโทษเบา มีสิทธิได้ประกันตัว ส่วนจำนวนทนายความในตอนนี้ ถือว่าเอาอยู่ แต่ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ อาจต้องเตรียมเพิ่ม อีกทั้งผิดคาดที่ว่าบรรยากาศประเทศจะกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ต้องยอมรับว่าคิดผิด


ด้านนายสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ อดีตนักข่าวอาวุโส หนึ่งในผู้ถูกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหา กล่าวว่า เบื้องต้นตนขอปฏิเสธข้อกล่าวหา เพราะเป็นสื่อโดยสายเลือด แต่กลับถูกกล่าวหาว่าร่วมกิจกรรมการเคลื่อนไหว

ขณะที่นายสุณัย กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหากับ 39 นักกิจกรรม ด้วยข้อหา มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ มาประกอบ ชี้ให้เห็นว่า คสช.ต้องการสร้างบรรยากาศของความหวาดกลัว เพื่อปิดกั้นเล่นงานคนเห็นต่าง อันนี้เป็นแนวโน้ม ที่คสช.ทำมาอย่างต่อเนื่องที่จะป้องปราม หรือเชือดไก่ให้ลิงดู ก่อนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 ก.พ. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และผลที่ตามมาจากบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว การปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกก็ดี มันแสดงให้เห็นว่า คสช. ไม่จริงใจ และไม่เต็มใจที่จะปูทางไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย เป็นได้เพียงแค่การเลือกตั้งแบบจัดฉาก แบบปิดปาก อย่างที่เกิดขึ้นกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่มผู้มีหมายเรียกขอเลื่อนการรับทราบข้อหา หลังจากทั้งหมดได้ปรึกษากับทีมทนายความสิทธิมนุษยชน และได้มอบหมายให้ทนายความแจ้งต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

โดย น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความสิทธิมนุษยชนได้กล่าวว่า ตามขั้นตอนหลังจากที่ทุกคนทราบว่า ถูกออกหมายเรียกมาพบพนักงานสอบสวน โดยประชาชนจำนวนราว 30 คน ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้หลบหนี และให้การปฏิเสธ ซึ่งตามกระบวนการ คดีนี้มีโทษในกรณีที่ประชาชนโดนข้อหาตามพรบ.ชุมนุมสาธารณะ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในศาลแขวงปทุมวัน

แม้กระทั่งน.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หนึ่งใน 7 แกนนำ “คนอยากเลือกตั้ง” ที่โดนข้อหามาตรา 116 ที่มีโทษไม่เกิน 7 ปี เมื่อพบเข้าพบตามหมาย โดยปกติในกรณีนี้ พนักงานสอบสวนต้องใช้ดุลยพินิจในการปล่อยตัว เพราะเราแสดงตัวยืนยันแล้วว่าเราไม่ได้หลบหนี และหมายเรียกออกมาในระยะเวลากระชั้นชิดมาก เช่น คุณณัฏฐาได้รับหมายเรียกวันที่ 29 ม.ค. ให้พบพนักงานสอบสวน 2 ก.พ. ส่วนประชาชนคนอื่นออกในวันที่ 30 ม.ค. และมารับทราบในวันนี้

น.ส.ภาวิณี ระบุว่า ที่ทุกคนแสดงความตั้งใจมาในวันนี้เพราะว่า พวกเขาไม่ได้กระทำความผิด ตามที่ถูกกล่าวหา และยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเต็มที่ และจะไม่หลบหนี แต่พนักงานสอบสวนได้แจ้งกับทุกคนและทนายความให้ทราบว่า จะมีการควบคุมตัวผู้ที่มารายงานตัวไปที่ศาลเพื่อขอผลัดฟ้อง และให้ทุกคนไปยื่นประกันตัวที่ศาลเอง ดังนั้น จะต้องมีการเตรียมหลักทรัพย์ประกันตัว ซึ่งข้อหาผิดพรบ.ชุมนุมมีความผิดจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ก็ต้องใช้หลักทรัพย์คนละ 1-2 หมื่นบาท

ส่วนน.ส.ณัฏฐานั้น อาจต้องหลักทรัพย์ถึง 2 แสนบาท และไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ จึงเห็นว่า ในระหว่างนี้ จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อมาให้การ และหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัว อีกทั้งทุกคนเห็นตรงกันว่า จะขอเลื่อนออกไปก่อน 1 นัด โดยไม่มีเจตนาจะฝ่าฝืนหมายเรียก แต่จะรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวก่อน ทั้งนี้ในส่วนประชาชนจะขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 ก.พ. ขณะที่ 7 แกนนำอาจจะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้ง

น.ส.ภาวิณี กล่าวอีกว่า ยังมีความกังวลอีกอย่าง คือผู้ถูกออกหมายเรียกมากันเยอะ ขั้นตอนการสอบสวน มีการสอบปากคำ ถ้าช่วงบ่ายมีการส่งตัวไปที่ศาลที่ขอฝากขัง แล้วไม่สามารถยื่นขอประกันตัวทัน ก็จะมีการถูกฝากขังในวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะหมายเรียกวันศุกร์ ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิ์ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ไม่ต้องถูกขังระหว่างดำเนินคดี ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลื่อน และยื่นประกันตัวต่อศาล

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์ ทางทนายความได้เดินทางเข้าไปในสน.ปทุมวัน เพื่อยื่นเรื่องต่อพนักงานสอบสวนเพื่อขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน