เลขาฯ กกต. แจงยิบ ปมบัตรเลือกตั้ง ยัน ยึดแบบมาตรฐาน เหมือนทุกครั้ง ชี้ 3 ข้อดี ประชาชนไม่สับสน-ประหยัดงบ-สะดวกบริหารจัดการ

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2566 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “บัตรเลือกตั้ง…แบบไหนดี” ว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป พ.ศ.2566 ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือ แบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง แม้จะเป็นพรรคเดียวกัน แต่เป็นคนละหมายเลข (เบอร์) ทั้งนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กกต.เป็นเพียงผู้กำหนดรูปแบบบัตรให้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น

โดยรูปแบบบัตรเลือกตั้ง นับแต่มีการเลือกตั้งในประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน มีรูปแบบบัตรที่ใช้เลือกตั้ง อยู่ 3 ประเภท คือ 1.บัตรมาตรฐานแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง คือ บัตรที่มีเฉพาะหมายเลขผู้สมัคร หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าบัตรโหล จะไม่มีรายชื่อผู้สมัครแต่อย่างใด ทุกการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในประเทศไทยใช้บัตรเลือกตั้งแบบนี้มาโดยตลอด

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีเฉพาะแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ก่อนรัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือมีการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ หลังปี 2540 ก็ตาม หมายความว่า ไม่เคยมีชื่อผู้สมัครในบัตรเลือกตั้งแต่อย่างใด และไม่มีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายพรรคการเมือง หรือชื่อพรรคการเมืองแต่อย่างใด

2.บัตรมาตรฐานแบบบัญชีรายชื่อ คือ บัตรที่มีหมายเลขผู้สมัคร มีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายของพรรคการเมือง และมีชื่อพรรคในบัตรเลือกตั้ง เริ่มใช้บัตรเลือกตั้งรูปแบบนี้นับแต่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 เป็นต้นมา ทุกการเลือกตั้งก็จะใช้บัตรเลือกตั้งนี้มาตลอด และ 3.บัตรเลือกตั้งแบบเฉพาะ เกิดขึ้นในปี 2562 เพื่อรองรับระบบเลือกตั้งแบบคะแนนไม่ตกน้ำ ตามหลักการของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ทุกคะแนนมีความหมาย

บัตรเลือกตั้งรูปแบบนี้ จึงผสมกันระหว่างบัตรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ไว้ด้วยกันในใบเดียว และมี 350 แบบ ตามจำนวนเขตเลือกตั้ง ในบัตรจะประกอบด้วยข้อมูล 1.หมายเลขผู้สมัครของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 2.สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายพรรคการเมือง 3.ชื่อพรรคการเมือง แต่ก็ไม่มีชื่อของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในบัตรแต่อย่างใด

นายแสวง ระบุต่อว่า บัตรเลือกตั้งปี 2566 แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ใช้บัตรมาตรฐานแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเหมือนการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา เว้น ปี 2562 ที่ใช้บัตรเฉพาะตามรัฐธรรมนูญ โดยข้อดีของบัตรมาตรฐานแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1.มีความชัดเจนแตกต่างจากบัตรแบบบัญชีรายชื่อ คือ นอกจากสีจะต่างกันแล้ว องค์ประกอบภายในบัตรก็จะต่างกัน ทำให้ประชนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่สับสน เพราะบัตรประเภทหนึ่งมีเพียงหมายเลข ไม่มีตัวหนังสือ และสัญลักษณ์ใด ต่างจากบัตรอีกประเภทหนึ่งมีครบทั้ง 3 อย่าง เป็นการป้องกันบัตรเสีย อันเกิดจากความสับสนลักษณ์นี้อีกทางหนึ่งด้วย

2.ประหยัดงบประมาณเป็นจำนวนมาก เพราะบัตรมาตรฐานพิมพ์พร้อมกันในครั้งเดียว แต่บัตรแบบเฉพาะเขต ต้องสั่งพิมพ์ 400 ครั้ง ตามจำนวนเขต เมื่อปริมาณพิมพ์ต่อครั้งมีจำนวนน้อย จะทำให้ค่าพิพ์ต่อครั้งใช้เงินจำนวนมากขึ้น








Advertisement

3.สะดวกในการบริหารจัดการ และใช้เวลาอันมีอยู่จำกัดใหัเกิดประโยชน์สูงสุด จากที่ต้องมาทำงานธุรการ อาทิ การส่งให้ตรงกับเขต กรณีเป็นแบบเฉพาะ ถ้าส่งผิดเขตจะใช้แทนกันไม่ได้ การพิมพ์บัตรสำรองในแต่ละเขต ก็ต้องมีสำรองครบตามจำนวนเขต เพราะใช้แทนกันไม่ได้ หรือปัญหาทางเทคนิค อาทิ ต้องปิดสมัครรับเลือกตั้งแล้ว เพื่อจะได้ชื่อผู้สมัครจึงจะดำเนินการพิมพ์ได้

นายแสวง ระบุต่อว่า หรือเมื่อพิมพ์บัตรไปแล้วศาลฎีกามีคำสั่งให้เพิ่ม/ถอนชื่อ ผู้สมัครภายหลัง ต้องมาแก้ใขให้ถูกต้องก่อนวันลงคะแนน เรื่องเหล่านี้แม้จะทำได้ แต่นำเวลาที่จะใช้ไปกับเรื่องที่อาจไม่จำเป็นหรือเป็นประโยชน์ ไปทำงานอื่นในเวลาที่มีจำกัดน่าจะทำให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน