ภูมิธรรม เผย กก.ศึกษาประชามติ เปิดช่องโยนสภาฯ ถกแก้รธน. หากเห็นแย้งให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ยันไม่ยื้อเวลา เชื่อประชาชนเข้าใจ ถ้าสุดท้ายเงื่อนไขทำสะดุด

เมื่อเวลา 15.55 น. วันที่ 24 พ.ย. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าหลายประเด็น

ทั้งในส่วนของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นที่ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว เหลือการรับฟังความเห็นอีก 2 ภาค คือ ภาคเหนือ ที่จ.เชียงใหม่ จากกลุ่มชาติพันธุ์ และภาคใต้ ที่จ.สงขลา จากชาวใต้และชาวมุสลิม และต้องรอเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อสอบถามความเห็นจาก สว.และสส.

เมื่อรับฟังหมดแล้วถือว่าครบถ้วน จากนั้นอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็น จะทำข้อสรุปและบันทึกความเห็นที่แตกต่าง เพื่อเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะที่คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติยังมีความเห็นแตกต่างในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 มีการนำข้อกฎหมายต่างๆ มาพิจารณา เพื่อดูว่าจะจัดทำประชามติอย่างไร และมีวิธีการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปตามที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุด และเป็นเครื่องมือไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทันสมัยขึ้น

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นควรให้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อมาให้ความชัดเจนในข้อกฎหมายอีกครั้ง และทำให้การตัดสินใจของคณะกรรมการฯ เกิดความชัดเจน ในที่ประชุมยังหาหารือว่าการแก้ไขครั้งนี้ มีข้อเสนอว่าควรให้สภาผู้แทนราษฎรมีความเห็น เพื่อเสนอให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากเกิดกรณีที่มีความเห็นขัดแย้งกัน

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า โดยมอบหมายให้ตัวแทนพรรคการเมืองที่อยู่ในคณะกรรมการฯ ไปปรึกษาหารือกันในพรรคของตัวเอง โดยทั้งหมดนี้จะนำไปประมวลผล และคาดว่าคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่จะให้พรรคการเมือง เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะนำเสนอในประเด็นใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นความชัดเจนที่เกี่ยวกับการทำ เช่น ต้องทำได้กี่ครั้ง สามารถทำร่วมกับกฎหมายการเลือกตั้งอื่นได้หรือไม่ และสามารถให้ประชาชนออกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสารได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะหารือในที่ประชุมสภาฯ ก่อน หากที่ประชุมตกลงกันได้ก็ดำเนินการต่อไป แต่หากมีความขัดแย้ง สภาฯ ก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

เมื่อถามย้ำว่าศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าไม่ใช่องค์กรที่ให้คำปรึกษา จะรับพิจารณาในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าเป็นที่ปรึกษา แต่หากที่ประชุมสภาฯ มีความขัดแย้ง สภาฯ มีหน้าที่นำเสนอต่อศาลให้ตีความได้ เพื่อให้ได้ข้อยุติ

เมื่อถามว่าที่ประชุมมีข้อเสนอให้แก้กฏหมายประชามติหรือไม่ เนื่องจากมีกับดักสองชั้น เรื่องเสียงของประชาชนที่จะมาลงประชามติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีข้อสรุปให้ไปศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการฯ เสนอว่า ยังมีกฎหมายที่สร้างความชัดเจนตรงนี้ได้ จึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมการศึกษาไปพิจารณาด้วย เนื่องจากกฎหมายประชามติยังไม่เคยถูกนำมาใช้ จึงต้องไปศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่าการมีเงื่อนไขเพิ่ม หากต้องสอบถามศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่กระทบกับไทม์ไลน์ที่วางไว้ที่จะให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ย้ำว่าคณะกรรมการฯ มีความมุ่งมั่นจะทำให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่นายกรัฐมนตรีบอกไว้ว่า ทำไม่ได้ไม่มี มีแต่ทำอย่างไรจะทำให้ได้

“ยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพื่อให้เกิดประโยชน์ และประชาชนอยากได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย อยากได้บรรยากาศและกติกาใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้มากขึ้น แต่สุดท้ายหากเกิดปัญหาที่เป็นเรื่องจำเป็น และมีข้อจำกัดที่รับฟังได้ เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจได้ แม้สังคมอาจจะเกิดความกังวลว่าเป็นการดึงเวลาให้เกิดความล่าช้า” นายภูมิธรรม กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน