สว.สมชาย ชี้ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ลั่นถ้าไม่ยกเลิก ยื่นป.ป.ช.แน่ อัดกระบวนการยุติธรรมไร้มาตรฐาน แนะร้องเอาผิด “นายกฯ-รมว.ยุติธรรม-จนท.” ปม ‘ทักษิณ’

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 มี.ค. 2567 ที่รัฐสภา ช่วงการอภิปรายด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย โดยนายสมชาย แสวงการ สว. อภิปรายว่า นายกฯ หมกมุ่นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งได้ไม่คุ้มเสีย ตนวิงวอนมาตลอดว่าให้เลิกโครงการนี้ อย่าดันทุรัง ตนอยู่ในวุฒิสภาแห่งนี้มา และเปิดอภิปรายโดยไม่ลงมติครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 มี 5 ครั้ง ที่รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นและนำไปแก้ไข แต่มีรัฐบาลหนึ่งไม่ฟังคือโครงการรับจำนำข้าว สุดท้ายรัฐมนตรีบางคนติดคุก นายกฯ หนีออกต่างประเทศ

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ดิจิทัลวอลเล็ตก็เหมือนกัน ตนเตือนด้วยความหวังดีว่านี่คือการอภิปรายทิ้งทวนของ สว. เพราะ 11 พ.ค.นี้ ก็หมดเวลาของเราแล้ว เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เสี่ยงผิดกฎหมายและนำไปสู่คดีความแน่นอน ทั้งที่ได้รับคำคัดค้านต่างๆ และไม่มีใครเห็นด้วยกับการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทมา เพราะเม็ดเงินเหล่านี้จะละลายลงไปกับการแจกและไม่ได้ผล

นายสมชาย กล่าวอีกว่า แม้ตัวเลขรายรับที่ได้เพิ่มขึ้นจากดิจิทัลวอลเล็ตรวมกันในปี 2024-2027 ขึ้นมาประมาณ 5 แสนล้านบาท แต่ถ้าเอาเงิน 5 แสนล้านบาทไปลงทุนโดยไม่แจก ท่านจะสร้างผลผลิตและได้ 5 แสนล้านบาทบวกๆ และประเทศไทยไม่ได้มีวิกฤตเศรษฐกิจขนาดนั้น หากอยากทำจะต้องดำเนินการออก พ.ร.ก.เงินกู้ แต่ผ่านมาแล้ว 7 เดือน ก็ไม่ออก พวกตนก็รอคว่ำอยู่

“การแจกโดยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มีตัวอย่างมาแล้วเช่นที่ญี่ปุ่น เคยทดลองมาแล้วแต่ใช้ไม่ได้ผล ที่จีนก็เคยใช้ แต่ไปตรงกับนโยบายคนละครึ่งของประเทศไทย ซึ่งใช้ไป 5 ปี หมดไป 2 แสนกว่าล้านบาท ดังนั้น ขอให้เลิกที่จะกู้เงินมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะผิดทั้ง พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง และผิดต่อรัฐธรรมนูญ สร้างหายนะในอนาคต พอเลิกโครงการก็ไม่ต้องกลัวติดคุก”

“หากท่านเดินโครงการต่อ ผมมีเอกสารพร้อมยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เพื่อดำเนินคดี ผมเห็นว่าเป็นความท้าทายของรัฐบาลขณะนี้”

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ประชาชนตั้งคำถามว่าเหตุใดค่านิยมของรัฐบาลในโพลที่ออกมาล่าสุด จึงตกต่ำกว่าพรรคฝ่ายค้าน เหตุผลคือประชาชนนั่งรอมา 6-7 เดือนว่าจะมีอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรม ตนให้คะแนนสอบตกหมดทุกข้อ ท่านยังไม่ได้แก้ปัญหาในเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ดังนั้นต้องแก้โครงสร้าง ถ้านายกฯ ใช้เวลาประชุมครม.เศรษฐกิจ สัปดาห์ละ 5 วันก็จะแก้ปัญหาได้ ถ้าปล่อยให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเดินไปไม่ได้ เราก็แพ้เวียดนามแน่นอน

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ถ้ารัฐบาลยังดำเนินการจะกู้มาแจกแหลกลาญ 5 แสนล้านบาท เพราะหวังแค่คะแนนเลือกตั้ง ท่านกำลังทำลายประเทศ และท่านเป็นนายกฯ ของคนทั้ง 67 ล้านคน ดังนั้นท่านควรเปลี่ยน โดยนายกฯ นั่งหัวโต๊ะแล้วเลิกบินต่างประเทศ เชื่อว่าท่านจะคิดออกในการหาทางแก้ปัญหาระยะสั้น แล้วสัญญาว่าอีกกี่วัน กี่เดือนจะเสร็จ

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรมนั้น วันนี้กระบวนการยุติธรรมประเทศกำลังเสื่อม ขาดความยุติธรรมถึงที่สุด นายกฯ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่ปล่อยให้เกิดกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน บางคนเรียกไร้มาตรฐาน ที่ผ่านมาได้พบระดับอดีตผู้บริหารศาลหลายคน ทุกคนฝากให้แก้ไขกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำที่แม้ศาลจะตัดสินอย่างไร มีกระบวนการลดโทษจากกรมราชทัณฑ์ที่บังคับใช้ไม่เท่าเทียมกับนักโทษทุกคน

นายสมชาย กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดูแล้วไม่ใช่ความผิดนายทักษิณ แต่ปัญหาคือระบบการบังคับโทษ นายทักษิณได้ไปอยู่โรงพยาลตำรวจห้องวีวีไอพี อ้างว่าป่วย 4 โรค ขัดกับภาพที่นายทักษิณเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เดิน ลุกนั่ง ขึ้นรถกอล์ฟ ขึ้นบันไดได้ตามปกติ ดูแข็งแรงดี ไม่รู้หมอโรงพยาบาลตำรวจรักษาดี หรือนายทักษิณกำลังใจดี

“การอ้างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้เปิดเผยอาการป่วยนั้น มีข้อยกเว้นไม่ให้ใช้บังคับแก่สส. สว. และกมธ. ที่เก็บรวบรวมข้อมูลตามอำนาจหน้าที่ กรณีนี้กมธ.จึงมีอำนาจเรียกเอกสารได้ ขณะที่การอ้างว่ามีผู้ป่วยได้รับการไปรักษาตัวนอกเรือนจำจำนวนมากนั้น ข้อมูลที่กมธ.ได้รับจากกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 – 25 ธ.ค.2566 มีนักโทษที่เป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวภายนอก เกิน 30 วัน 100 คน เกิน 60 วัน 30 คน เกิน 120 วัน 3 คน หนึ่งในนั้นคือ นายทักษิณ ไม่รู้ใครโกหก”

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ยิ่งไปดูกฎกระทรวงที่มีการแก้ไข มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องสถานที่คุมขังและอายุ จากเดิมระบุต้องได้รับโทษมา 1 ใน 3 และอายุเกิน 70 ปี มีโรคประจำตัว มีการแก้ไขจากคำว่า “และ” เป็น “หรือ” ทำให้คนอายุ 70 ปี สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เรื่องนี้สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง

นายสมชาย กล่าวต่อว่า วันใดเกิดวิกฤตศรัทธาจะนำมาซึ่งสึนามิ แก้ไขยาก ขอเสนอให้ดำเนินคดีกรณีนี้ 3 ทางคือ 1.ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดหลักนิติธรรม เป็นที่สงสัยขัดกับการอภัยลดโทษหรือไม่ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง มีคำสั่งให้นายทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่านายทักษิณได้รับการรับโทษแล้ว

2.ร้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งการให้นายทักษิณเข้ารับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจและคำสั่งพักโทษ เป็นคำสั่งมิชอบ และ 3.การร้องต่อป.ป.ช. เอาผิดนายกฯ รมว.ยุติรรม และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน