รมต.ทวี เปิดค่ายรู้รัก ปรับพฤติกรรมไม่หันไปยุ่งยาเสพติด ให้กำลังใจรบครั้งใหญ่ชนะใจตัวเอง ยกเป็นวีรบุรุษกลับคืนสู่สังคม ชี้ทุกคนก้าวพลาดกันได้

วันที่ 29 มี.ค. 2567 ที่ห้องประชุมอาคารเอนกประสงค์ ชั้น 3 วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรรวงยุติธรรม และคณะ ร่วมเปิดโครงการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ถูกคุมความประพฤติ “ค่ายรู้รัก (Sense and Love)” ระยะเวลา 15 วัน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม

ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขฟื้นฟูปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และเกิดจิตสำนึกต่อต้านยาเสพติด (Consciousness in Drug Prevention) มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ถูกคุมความประพฤติในคดียาเสพติด โดยมีนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ ให้การต้อนรับ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากมองความเป็นไปแต่ละช่วงเวลาของชาติบ้านเมือง อดีตให้มองไปที่พิพิธภัณฑ์ ปัจจุบันให้มองที่หน่วยงานปฏิบัติ ส่วนอนาคตให้มองดูเยาวชนและการศึกษา ซึ่ง “วัดสวนแก้ว” ถือเป็นสถานศึกษา มีการเรียนรู้ สร้างคนให้เป็นคนดี เช่นเดียวกับกรมคุมประพฤติที่ตนอยากให้เปลี่ยนชื่อเป็น “กรมส่งเสริมความประพฤติดี” อีกทั้ง “การพัฒนา” ของแต่ละชาติ ก็ไม่ได้วัดกันที่วัตถุ แต่อยู่ที่คุณภาพชีวิตที่จะสะท้อนความเจริญของชาติบ้านเมือง

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า จ.นนทบุรี มีพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์ แต่สิงคโปร์กลับมีรายได้ต่อหัวสูงกว่า นั่นเป็นเพราะเขาให้ความสำคัญกับการสร้างคน มนุษย์ทุกคนควรภาคภูมิใจกับศักดิ์ศรี สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ซึ่งต้องได้รับความคุ้มครองตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า อยากให้กำลังใจผู้เข้าร่วมโครงการที่ตัดสินใจเข้าร่วมปรับพฤตินิสัย ถือเป็นการรบครั้งใหญ่เพื่อชนะใจตัวเอง จากคำว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เพราะบางที คนเรามักละเลยเรื่องจิตใจ แต่กลับให้ความสำคัญกับกาย เครื่องแต่งกาย

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ส่วนหนึ่งของชื่อโครงการค่ายรู้รัก คือ คำว่า “รัก” คือซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริง จึงอยากบอกทุกคนมาด้วยความรัก เข้าร่วมค่ายรู้รัก ซึ่งกระทรวงยุติธรรมพยายามหาแนวทางการแก้ปัญหายาเสพติดที่ชัดเจน

“ผมขอให้กำลังใจทุกคน เพราะเรามีโอกาสก้าวพลาดกันทุกคน แต่เมื่อก้าวพลาดแล้ววันนี้ได้ตัดสินใจจะชนะใจตน ถือว่าทุกคนคือวีรบุรุษที่กลับคืนสู่สังคม สร้างประโยชน์ไม่ใช่แค่กับตัวเอง แต่กับสังคมด้วย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

ด้านพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้แสดงธรรมเทศนา โดยเปรียบการทำงานของ พ.ต.อ.ทวี ดั่งคำว่า “ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง” พร้อมประทับใจคำกล่าวเปรียบเปรยชื่อ “กรมคุมประพฤติ” แนะนำให้เปลี่ยนเป็นชื่อ “กรมส่งเสริมความประพฤติดี” ซึ่งชื่อใหม่ที่เปรียบเปรยนี้สะท้อนการสร้างอารมณ์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่มีสมาชิกจำนวน 50 คน ซึ่งวัดสวนแก้วยินดีกับโครงการ พร้อมสอดแทรกการอบรมธรรมะในกิจกรรมต่างๆ ด้วย

“ดีใจที่เขาควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ชกต่อ ตอบโต้ ซึ่งเขาบอกว่า เพราะฟังเทศน์ของพระพยอม จึงทำให้เขาอารมณ์สงบ” พระพยอม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินโครงการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ถูกคุ้มความประพฤติ ระหว่างวันที่ 19 มี.ค. – 2 เม.ย. 2567 ระยะเวลา 15 วัน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 “ค่ายรู้รัก (Sense and Love)” เป็นหนึ่งในค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือ DRIP Model มีเป้าหมายแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและฟื้นฟูจิตใจ 30 แห่ง 30 รุ่น จำนวน 1,500 คน ผ่านการเตรียมความพร้อมร่วมกับครอบครัวและชุมชน

โครงการฯ ของวัดสวนแก้ว รุ่นนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ 50 คน เข้ารับการบำบัด อบรม ฝึกทักษะอาชีพ ปรับทัศนคติการดำเนินชีวิตเป็นเวลา 15 วัน จึงกลับคืนสู่สังคม พร้อมกับการดูแลที่ต่อเนื่องในทุกๆ 5 วัน ตรวจปัสสาวะในช่วง 3 เดือนแรก และจะติดตามพฤติกรรมอีกอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งวางเป้าหมายให้มีผู้ผ่านการอบรมไม่น้อยกว่า 80% และกระทำผิดซ้ำไม่เกิน 5%

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พระพยอม กล่าวชื่นชม พ.ต.อ.ทวี ว่า “ได้ติดตามดูข่าวสารบ้านเมืองอยู่ รมต.ทวี ตอบคำถามกระทู้ในการประชุมสภาฯ ได้ดี”

ด้าน พ.ต.อ.ทวี ได้กราบขอบพระคุณ และกราบนมัสการแลกเปลี่ยนความเห็น รวมถึงสนทนากัน โดยพระพยอมได้เล่าถึงเมื่อครั้งลงไปเยี่ยมพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมมอบ “ผ้ายันต์กันโจรฉกรรจ์ 3 ก๊ก” ให้กับ พ.ต.อ.ทวี ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน