อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเค เก้า หนึ่งกรุ๊ป จำกัด

พราะค่านิยมในหมู่สาวไทยส่วนใหญ่ที่ต้องขาว หุ่นเป๊ะ ทำให้บรรดาอาหารเสริมขายดิบขายดีมีแบรนด์ใหม่ๆ ผุดขึ้นรายวัน สร้างมูลค่าการเติบโตในแต่ละปีจำนวนมหาศาล จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์อาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งถูกจับได้ว่าทั้งแอบอ้างสรรพคุณเกินจริง เลขที่ อย.ข้างกล่องก็ถูกนำมาสวมให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ขั้นตอนการบรรจุไม่ได้มาตรฐานใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญสูตรที่ผสมก็เป็นอันตรายกับผู้บริโภค

“อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์” หรือ “กอล์ฟ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเค เก้า หนึ่งกรุ๊ป จำกัด หนึ่งในเจ้าของธุรกิจอาหารเสริม LB9, LB1 Detox และ Eighteen 18 ที่มีหุ้นส่วนธุรกิจล้วนเป็นคนดังในวงการบันเทิงอย่าง ดีเจต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์, ดีเจมะตูม-เตชินท์ พลอยเพชร และ สาวแต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ เล่าถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นว่า ทำให้ธุรกิจอาหารเสริมทุกแบรนด์ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน รวมถึงของเอเค เก้าหนึ่งกรุ๊ป ที่ถูกสังคมจับตามองว่าอาจจะเป็นสินค้าที่ไม่ถูกกฎหมาย

กอล์ฟเล่าว่า ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจอาหารเสริมเมื่อ 2 ปีที่แล้วภายใต้แบรนด์ “LB” มีหุ้นส่วนสองดีเจคนดังซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่นับถือ ยืนยันว่าไม่เคยต้องการกอบโกยรายได้จากการทำสินค้าผิดกฎหมาย เพราะทั้งสองเป็นคนในวงการบันเทิงที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะดีเจต้นหอมอยู่ในวงการมาถึง 12 ปี หากสินค้าถูกจับได้ว่าผิดกฎหมาย แน่นอนว่า ชื่อเสียงที่สั่งสมมาจะต้องเสียหาย ในขณะที่ตัวเขาอาจไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไรเพราะไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง

“วันที่พวกเราตัดสินใจทำธุรกิจร่วมกัน เรื่องแรกที่ยึดมั่นคือต้องเป็นธุรกิจสีขาว จะไม่มีการใส่สารที่ให้ผลเร็วทันใจแต่เป็นอันตราย แม้ว่าจ้างโรงงานผลิตแต่ก็ได้นำสินค้าทุกล็อตไปส่งตรวจกับหน่วยงานหลายแห่งก่อนจะขายให้กับผู้บริโภค ที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเราซึ่งเรายินดีเพราะไม่มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค”

“ช่วงวิกฤตธุรกิจอาหารเสริม เวลานั้นยอดขายของเอเค เก้าหนึ่งกรุ๊ป เหลือเพียง 10% รู้สึกเห็นใจตัวแทนมาก คนไทยไม่กล้าบริโภคของไทย ทั้งที่ผู้ประกอบดีๆ ก็มีมาก ก็มาคิดว่าถ้าเราท้อ พวกตัวแทนกว่าสองหมื่นคนจะอยู่ได้อย่างไร ทุกคนมีครอบครัวต้องดูแล ก็เลยลุกขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ความตั้งใจจริง เริ่มจากอันดับแรกไม่มีการเทตัวแทน มีแต่ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซื้อโฆษณาสื่อป้ายบิลบอร์ดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่าบริษัทเรายังอยู่ ช่วงนั้นมีหลายแบรนด์ที่ปิดกิจการไปเลย ทำให้ตัวแทนที่สต็อคสินค้าไว้ต้องขาดทุน นอกจากนี้เรายังมีการทำโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดแรงจูงใจในการซื้อสินค้า”

และเพื่อให้สังคมมั่นใจว่า บริษัทไม่ได้ทำธุรกิจแบบขายตรงหรือลูกโซ่ เขาจึงไปยื่นขอหารือรูปแบบการประกอบธุรกิจกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งทาง สคบ.ก็ได้ส่งหนังสือตอบกลับลงวันที่ 22 สิงหาคม 2561แจ้งผลการพิจารณาว่า ธุรกิจของบริษัท เอเค เก้า หนึ่งกรุ๊ป จำกัด มีลักษณะเป็นการขายปลีก ขายส่ง ให้กับตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น มิใช่เป็นการทำตลาดในลักษณะของการรับสมัครผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง

“ที่ต้องบอกอีกอย่างคือ ธุรกิจเราไม่เพียงช่วยให้หลายคนที่ขยันจนกระทั่งสามารถสร้างฐานะมีทรัพย์สินต่างๆ ใครที่มีหนี้สินก็ปลดหนี้ได้เท่านั้น แต่เอเค เก้า หนึ่งกรุ๊ป ยังช่วยเหลือสังคมมามาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านให้กับคนแก่ที่ไม่มีบ้านอยู่ หรืออย่างวิกฤตเขื่อนแตกที่สาธารณรัฐประชาชนลาว ก็มีการระดมทุนโดยชวนเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงนำเสื้อผ้าของรักมาบริจาค จากนั้นก็เปิดประมูลโดยการ Live ที่เฟซบุ๊คส่วนตัว ซึ่งได้รับความสนใจมียอดวิวถึง 1.5 ล้านวิว ได้เงินจากการประมูล 1.3 ล้านบาท นำเงินไปช่วยพี่น้องผู้ประสบภัย สปป.ลาว โดยปีนี้เราตั้งใจจะนำเสื้อผ้าและผ้าห่มไปมอบให้กับพี่น้องที่อยู่บนดอย”

บอสกอล์ฟกล่าวทิ้งท้ายว่า อยากบอกผู้บริโภคว่าสินค้าไทยใช่ว่าไม่มีคุณภาพ ยอมรับว่าวงการนี้มีทั้งผู้ประกอบการดีและไม่ดี แต่ถ้าผู้ประกอบการรายไหนดี สังคมก็ควรให้โอกาสเขามีที่ยืน ยังมีสินค้าไทยดีๆ ที่คนไทยควรสนับสนุน เพราะเงินก็ไม่ไหลออกไปนอกประเทศด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน