แม้การทำบัตรเครดิตจะช่วยให้เรามีอิสระทางการเงินมากกว่าที่เคย แต่อย่างไรก็ตามอิสระที่ว่านี้ก็ควรจะต้องมาคู่กับความรับผิดชอบ เพราะหากเจ้าของบัตรใช้จ่ายโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะตามมาก็อาจจะทำให้ต้องเป็นหนี้หัวโตจนไม่รู้ว่าจะต้องหาเงินที่ไหนมาโปะหนี้ที่ตัวเองได้ก่อขึ้น แม้ในความเป็นจริงยังจะพอมีวิธีที่จะช่วยให้เจ้าของบัตรที่เป็นหนี้ไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่มากเกินไปได้ แต่หากผู้ถือบัตรยังคงมีพฤติกรรมการใช้เงินแบบเดิมอยู่ แน่นอนว่าหนี้ที่มีคงไม่มีทางหมดไป เมื่อพูดถึงวิธีปลดหนี้หลายคนคงเคยได้ยินวิธีสมัครบัตรเครดิตอีกใบแล้วเอาเงินมาปิดบัตรแรก แต่วิธีที่ว่านี้จะทำได้อย่างที่ว่าจริงหรือเปล่า เดียววันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน

จริงๆ แล้วต้องบอกก่อนเลยว่าการทำบัตรเครดิตอีกใบเพื่อนำเงินจากบัตรที่สองมาจ่ายหนี้บัตรแรกนั้นไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ เพราะปกติแล้วหนี้บัตรเครดิตจะต้องชำระด้วยเงินสดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และแน่นอนว่าคงไม่มีธนาคารที่ไหนจะยอมให้มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะเสียผลประโยชน์จากกรณีนี้มากที่สุดก็คือตัวธนาคารเอง

แม้การทำบัตรเครดิตอีกใบเพื่อนำมาชำระหนี้บัตรใบแรกจะไม่สามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถสมัครบัตรใหม่ขึ้นมาเพื่อนำบัตรดังกล่าวไปใช้กดเงินสดจากตู้ ATM ได้ พอถึงตรงนี้หลายคนคงจะรู้สึกโล่งใจกันไม่มากก็น้อยที่ตัวเองยังพอมีช่องทางในการปลดนี้ แต่ถึงกระนั้นการกระทำเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงแอบแฝงอยู่เช่นกัน เพราะทุกครั้งที่เราใช้บัตรเครดิตกดเงินสดออกมา จากตู้ ATM นั้นหมายความว่าเรายินยอมแล้วที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายอันมหาศาลทั้งจากดอกเบี้ยรายวัน, ค่าธรรมเนียม 3 % และ ค่า VAT อีก 7 % ของค่าธรรมเนียมการกดบัตรเครดิต ซึ่งหากเราลองนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้มารวมกันจะพบว่าแทนที่จะช่วยให้เราหายเป็นหนี้ การกดเงินสดจากตู้กลับยิ่งจะตอกย้ำสภาพคล่องทางการเงินของเราให้ย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมอีก สำหรับใครที่อยากทำบัตรเครดิตอีกใบเพื่อปลดหนี้ เราอยากจะให้ลองทบทวนตัวเองกันอีกสักนิดว่าตัวเองพร้อมหรือไม่กับการต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่อาจจะตามมา

ในเมื่อทุกอย่างที่คิดไว้กลับตาลปัตรเช่นนี้ แล้วถ้าหากเป็นหนี้ขึ้นมาจริงๆ เราควรจะปลดล็อกตัวเองจากสภาวะดังกล่าวได้ยังไงกัน? ไม่ต้องกังวลไปเพราะในปัจจุบันยังมีทางเลือกอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างการเป็นหนี้อยู่ โดยหนึ่งในวิธียอดนิยมได้แก่การรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตหรือการขอเงินกู้จากธนาคารเพื่อนำมาโปะหนี้ทั้งหมดที่เกิดจากการทำบัตรเครดิต ซึ่งข้อดีของการรีไฟแนนซ์ได้แก่การลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนให้กับเจ้าของบัตร

แม้การทำบัตรเครดิตจะเป็นเรื่องที่จำเป็นในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของบัตรก็ควรที่จะคิดให้ถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนควักบัตรเครดิตออกมาใช้ เพราะหากเราใช้ไปโดยคิดว่ายังไงก็ค่อยไปว่ากันตอนสิ้นเดือน แทนที่บัตรเครดิตจะทำให้เราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น บัตรที่ว่านี้กลับจะยิ่งทำให้เราเป็นหนี้หัวโตจนไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาปิดหนี้ดังกล่าวได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน