คนเมืองร่วมดูโคม ชมจันทร์ สร้างสรรค์งานศิลป์ เยือนถิ่นเก่า เล่าเรื่องวันไหว้พระจันทร์ยามค่ำคืน

ดูโคม ชมจันทร์-เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำคืนวันไหว้พระจันทร์ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมาก เดินทางไปชื่นชมความงดงามและเรียนรู้ เรื่องราววิถีวัฒนธรรมชาวจีน ในย่านเก่าเล่าเรื่อง เจริญกรุง เยาวราช เนื่องในงาน ดูโคม ชมจันทร์ สร้างสรรค์งานศิลป์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับ 3 ชุมชนย่านเยาวราช-เจริญกรุง จัดขึ้น ภายใต้โครงการวิจัย “การพัฒนาเมืองวัฒนธรรมอัจฉริยะ:กรณีศึกษาย่านเยาวราช-เจริญกรุง” ระหว่างวันที่ 13-21 ก.ย.2562 ที่ชุมชนเจริญไชย และห้างหุ้นส่วนจํากัด เอี๊ยะเซ้ง กงษี ร้านโชห่วยเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี


โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นผู้เปิดงาน พร้อมกล่าวว่า ภาคภูมิใจในการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนกับนักวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ย่านเยาวราชอันนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์จากต้นทุนทางวัฒนธรรม โดยจะเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์และความหมายของพื้นที่ให้อยู่ได้ในสภาวะปัจจุบัน


จากนั้น ภายในงานได้เปิดเวที เสวนา เรื่อง “ไหว้เจ้า ไหว้พระจันทร์ วิถีชุมชนจีนเจริญกรุงเยาวราช” โดยมีผู้อยู่อาศัยในพื้นที่และนักวิจัยมาบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองต่างๆที่น่าสนใจ

ดร.วุฒิชัย อารักษ์โพชฌงค์ จากคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมจีนและศาลเจ้า ชี้ให้เห็นความสำคัญของชาวเยาวราชในการเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมทรงคุณค่าในทุกๆด้าน โดยจากงานวิจัยพบว่าศาลเจ้าในประเทศไทยมี 20,000 แห่ง แต่อยู่ที่เยาวราชถึง 50 แห่ง และในศาลเจ้าเป็นที่รวบรวมอัตลักษณ์ของคนไทยเชื้อสายจีนสะท้อนผ่านทั้งประเพณี ครอบครัว วัฒนธรรม ความเชื่อ ความผูกพันกับเทพเจ้าจีนของคนจีนโพ้นทะเลยุคบุกเบิก โดยหวังจะเห็นเสน่ห์ของชุมชนเยาวราชกลับมาอีกครั้งบนพื้นฐานประเพณีดั้งเดิม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง แต่คงอัตลักษณ์เฉพาะไว้

นายบดินทร์ เดชะวัฒนไพศาล ทายาทรุ่นที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอี๊ยะเซ้ง กงษี หวังอยากให้คนรุ่นใหม่ภาคภูมิใจกับเยาวราช และเข้าใจลึกซึ้งถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในตึก อาคาร ศาลเจ้าที่คนมักมาเดินถ่ายรูปเชิงท่องเที่ยว แต่จริงๆแล้วภายใต้ตึกเก่าแก่มีต้นทุนวัฒนธรรมซ่อนอยู่ กรณีตึกเอ๊ยะเซ้งสร้างแล้วเสร็จปีพ.ศ.2477 โดยต้นตระกูลคือนายบักเกว้ง แซ่เตีย ที่อพยพจากมณฑลกวางตุ้ง เข้ามาเช่าตึกเพื่อมาค้าขายแต่จนปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยนแปลงตึก

แม้กระทั่งบานประตูสีเขียวเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้าน ทุกมุมของอาคารสะท้อนความเชื่อของชาวจีนตามหลักฮวงจุ้ยเพื่อให้การค้ารุ่งเรือง อาคารเป็นทรงสำเภาจีนทอดยาวสะท้อนถึงการไม่หยุดนิ่ง พื้นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดไม่เท่ากัน ในยุคโบราณเชื่อกันว่าเป็นการไหลเวียนของเงินตราตามหลักเรือสำเภา เหมือนเงินไหลวนแบบเรือ เสาคานจะไม่มีเหลี่ยม เนื่องจากเชื่อว่าดาบคมจะสร้างความเจ็บป่วย ครอบครัววิวาทกัน วิถีวัฒนธรรมจีน เทพเจ้าในวัดจีนล้วนเป็นต้นทุนวัฒนธรรม หากหายไปอาจจะไม่สามารถกลับมาได้อีก


ขณะที่ นางสุวรรณา คงศักดิ์ไพศาล บริษัท ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ จำกัด แสดงความดีใจที่เห็นบรรยากาศเก่าๆกลับมาสู่เยาวราช โดยเฉพาะโคมโบราณที่สมัยเด็กเด็กๆจะวิ่งตามดูโคมรูปกระต่ายสีสันต่างๆ ซึ่งไม่รู้ว่าหายไปจากชุมชนเมื่อใด เทศกาลไหว้พระจันทร์สำหรับชาวเยาวราชเป็นเสมือนวันแห่งความรักของชาวไทยเชื้อสายจีน ในอดีตคนในครอบครัวจะมารวมตัวกันและตั้งโต๊ะไหว้เจ้าขนาดใหญ่แตกต่างจากปัจจุบันที่ตั้งโต๊ะเล็กๆหน้าบ้านตัวเอง ใช้เทียนขนาดใหญ่จุดทั้งคืนตั้งแต่ 20.00-23.00 น. ส่วนของไหว้สะท้อนรายละเอียดของความรัก อาทิ ดอกไม้ โคมไฟ ขนมหวาน ซุ้มต้นอ้อย ของเจ ผลไม้ เครื่องสำอาง และของหอม เป็นต้น

สำหรับขนมไหว้พระจันทร์นั้น ในชุมชนสมัยก่อนทำขนมไหว้พระจันทร์เอง ด้วยการซื้อถั่วมาอบ และบดด้วยพิมพ์ไม้เก่าแก่ ลูกหลานจะมาช่วยกันทำขนมเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนาน
ภายหลังการแสวนาเสร็จสิ้นลง ผู้เข้าร่วมเสวนาได้เดินชมพิธีไหว้พระจันทร์วิถีชุมชนจีนเจริญกรุง-เยาวราช ตามเส้นทาง-ชมโคม ชมความงดงามของซุ้มไหว้พระจันทร์ บริเวณชุมชนเจริญไชย พร้อมรับการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ชุมชนอย่างเต็มอิ่ม

นอกจากนี้ ที่ร้านเอี๊ยะเซ้ง กงษี ถนนเจริญกรุง ยังได้จัดนิทรรศการแสดงผลงานของคณะอาจารย์และนักศึกษาภาควิชาต่างๆ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ภายใต้โครงการวิจัยการพัฒนาเมืองวัฒนธรรมอัจฉริยะ กรณีศึกษาย่านเยาวราช-เจริญกรุง


โดยแบ่งเป็น 4 ห้องนิทรรศการ อาทิ ผลงานผังเมืองทางสถาปัตยกรรมย่านไชน่าทาวน์เยาวราช-เจริญกรุง, ผลงานทางโบราณคดีในย่านชุมชนชาวจีน, เครื่องประดับเงิน โคมไฟไหว้พระจันทร์ ซึ่งแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยในละแวกดังกล่าว รวมถึงการจัดแสดงผลงานภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น

สำหรับนิทรรศการดังกล่าวจะจัดต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. ไปจนถึงวันที่ 21 ก.ย.2562 โดยจัดแสดงระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. ทุกวัน (ยกเว้นวันอาทิตย์) ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน