คนส่วนใหญ่รู้ว่าผัก และผลไม้ดีต่อสุขภาพ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ผักและผลไม้แตกต่างกันอย่างไร ถ้าพูดถึงทางวิชาการ ผัก และผลไม้มีรสชาติและโภชนาการที่แตกต่างกันมาก ต่อไปนี้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างผัก และผลไม้ ตลอดจนประโยชน์ของผักและผลไม้ที่มีต่อร่างกาย
ความแตกต่างระหว่างผักและผลไม้
การจำแนกผักผลไม้สามารถจำแนกโดยทางพฤกษศาสตร์ และการทำอาหาร
ในทางพฤกษศาสตร์ ผลไม้ และผักถูกจำแนกตามส่วนต่าง ๆ ของพืช ผลไม้เติบโตจากดอกของพืช ในขณะที่ผักจะเจริญเติบโตจากส่วนอื่นๆ ของพืช ผลไม้มีเมล็ด ในขณะที่ผักส่วนมากจะประกอบด้วยราก ลำต้นและใบ
ในการจำแนกจากการทำอาหาร จะมีการจำแนกผักและผลไม้ตามรสชาติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผลไม้จะมีรสหวาน หรือรสเปรี้ยว และสามารถนำมาทำเป็นของหวาน หรือน้ำผลไม้ก็ได้ ในขณะที่ผักจะมีรสชาติจืด หรือขมกว่า และใช้ประโยชน์ในการทำอาหารจานหลัก
สรุปสั้น ๆ ว่า : ในทางพฤกษศาสตร์นั้น ผลไม้จะมีเมล็ด และเติบโตมาจากดอกของพืช และมีรสหวาน ในขณะที่ผักจะเจริญเติบโตจากส่วนอื่นๆ ของพืชและนำมาใช้ปรุงอาหาร
ผลไม้บางอย่างมักเข้าใจกันผิดว่าเป็นผัก
จากเนื้อหาข้างต้นก็พอจะบอกได้แล้วว่า อะไรคือผลไม้ อะไรคือผัก ซึ่งอย่างน้อยก็สามารถจำแนกในมุมของการทำอาหารได้
อย่างไรก็ตามในทางเทคนิคแล้ว พืชหลายชนิดถือว่าเป็นผลไม้ แม้ว่าบ่อยครั้งที่มักจะเข้าใจกันว่าเป็นผัก เพราะตัดสินกันที่รสชาติ
มะเขือเทศเป็นตัวอย่างที่ดีที่บางคนเข้าใจว่าเป็นผัก ในขณะที่บางคนเข้าใจว่าเป็นผลไม้ ปี 2436 สหรัฐเคยตัดสินให้มะเขือเทศเป็นผัก แทนที่จะเป็นผลไม้ภายใต้กฎระเบียบศุลกากรของสหรัฐอเมริกา แต่ในทางพฤกษศาสตร์แล้ว มะเขือเทศนั้นเข้ายข่ายการเป็นผลไม้มากกว่าผัก อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว มะเขือเทศถือว่าเป็นผัก เนื่องจากรสชาติของมันไม่ตรงตามประเภทของผลไม้นั่นเอง
ตัวอย่างผลไม้อื่น ๆ ที่มักเข้าใจผิดว่าเป็นผัก ได้แก่ :
- ฟักทองฤดูหนาว
- อะโวคาโด
- แตงกวา
- พริกไทย
- มะเขือยาว
- มะกอกฝรั่ง
- ฟักทอง
- ฝักถั่ว
- สุกีนี
สรุป
มีผลไม้หลายชนิดที่มักจะถูกเรียกกันว่า ผัก ได้แก่ มะเขือเทศ อะโวคาโด และแตงกวา
ผักรสหวานต่าง ๆ
แม้ว่าจะมีผลไม้หลายชนิดที่เข้าใจผิดกันว่าเป็นผัก แต่ก็มีผักบางส่วนที่เข้าใจกันว่าเป็นผลไม้
อย่างไรก็ตาม ผักบางชนิดมีรสหวานตามธรรมชาติมากกว่าผักชนิดอื่น ๆ และนำมาใช้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกันกับผลไม้ในขนมหวาน พาย และขนมอบ
ตัวอย่างเช่น พายมันเทศเป็นขนม และเป็นส่วนหนึ่งของอาหารบนโต๊ะในวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอเมริกา แม้จะมีรสหวาน แต่มันเทศถือเป็นผักประเภทราก และไม่ใช่ผลไม้
ในทำนองเดียวกัน มันเทศหวานเป็นของรับประทานประเภทอบที่มีมันเทศซึ่งเป็นพืชประเภทหัวที่รับประทานได้เป็นส่วนประกอบ ผักอื่น ๆ ที่มีรสหวานตามธรรมชาติ ได้แก่ บีทรูท แครอท รูตาบากัส และหัวผักกาด
สรุป:
ผักบางชนิดมีรสหวาน และสามารถนำมาใช้ทำอาหารประเภทอบและของหวานได้
เปรียบเทียบผลไม้ และผักในแง่ของโภชนาการ
ผักและผลไม้มีความคล้ายคลึงกันมากในแง่ของโภชนาการ ทั้งผักและผลไม้มีเส้นใยสูงเช่นเดียวกัน ได้แก่ วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารประกอบอื่น ๆ จากพืช
ผักและผลไม้ยังมีโซเดียมและไขมันต่ำตามธรรมชาติ และแน่นอน หากนับผลไม้ว่าจะต้องมีรสหวานแล้วละก็ ผลไม้มักจะมีน้ำตาลธรรมชาติและแคลอรี่ในปริมาณที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับผักส่วนใหญ่
ตัวอย่าง เช่น แอปเปิ้ลหนึ่งถ้วยมีแคลอรี่ 65 แคลอรี และน้ำตาล 13 กรัม ในขณะที่ บรอกโคลี 1 ถ้วยมีแคลอรี่เพียง 31 แคลอรี่และน้ำตาล 2 กรัม
เมื่อเทียบกับผักผลไม้บางประเภทแล้ว อาจมีไฟเบอร์ต่อกรัมมากกว่ากัน ปริมาณเส้นใยต่อ 100 กรัมสำหรับผลไม้มีตั้งแต่ 2 – 15 กรัม ในขณะที่ผักใบให้เส้นใย 1.2 – 4 กรัมในน้ำหนักเท่ากัน
ส่วนปริมาณน้ำในเส้นใยยังแตกต่างกันไป ผักประเภทใบอาจประกอบด้วยน้ำ 84 – 95% ในขณะที่ผลไม้มีจะน้ำน้อยกว่าเล็กน้อย หรืออยู่ระหว่าง 61 – 89%
ทั้งนี้ ผักและผลไม้ต่างประเภทกันก็มีสารอาหารต่างกัน ต่อไปนี้คือ จุดเด่นด้านโภชนาการของผักและผลไม้บางประเภท:
- ผักประเภทหัว: อุดมไปด้วยไฟเบอร์ รวมถึง แหล่งวิตามินซี เบต้าแคโรทีน โพแทสเซียม และวิตามินบี
- ผลไม้ตระกูลส้ม: มีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สามารถป้องกันโรคเสื่อมต่าง ๆ ตามร่างกายได้
- ผักตระกูลกะหล่ำ: มีกลูโคซิโนเลต ซึ่งเป็นกลุ่มของสารประกอบที่เชื่อมโยงกับการป้องกันมะเร็ง
- ผลเบอร์รี่: เต็มไปด้วยแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีการศึกษาถึงความสามารถในการลดความเครียด ออกซิเดชัน และเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง
- ผักใบเขียว: เป็นแหล่งอุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ เช่น ลูทีน ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง
คุณสามารถอ่านการป้องกัน และรักษาโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคมะเร็งเพิ่มเติมได้จากที่นี่ : bupa.co.th
สรุป:
ผลไม้มีน้ำตาลและแคลอรี่สูงกว่าผัก แต่ทั้งผักและผลไม้อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ผักและผลไม้บางประเภทให้สารอาหารที่แตกต่างกัน
ประโยชน์ของผักและผลไม้ต่อสุขภาพ
มีงานวิจัยจำนวนมากที่พูดถึงประโยชน์มากมายในการบริโภคผักและผลไม้ที่มีต่อสุขภาพ
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การรับประทานผักและผลไม้มากขึ้นมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
งานวิจัยหนึ่งพบว่า การรับประทานผักและผลไม้มากกว่า 3 มื้อช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ถึง 70% คุณสามารถอ่านอาการ สาเหตุ วิธีการรักษาโรคหัวใจ : Phuket Bulletin
เนื่องจากผักและผลไม้มีแคลอรี่ต่ำ แต่มีไฟเบอร์สูง จึงช่วยควบคุมน้ำหนักได้
งานวิจัยหนึ่งได้ติดตามพฤติกรรมการบริโภคของคนจำนวน 133,000 คนในช่วงระยะเวลา 24 ปี แสดงให้เห็นว่า เมื่อผู้คนบริโภคผักและผลไม้ ซึ่งไม่มีแป้งมากขึ้น น้ำหนักตัวของคนเหล่านั้นมีแนวโน้มลดลง
การเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ โดยการบริโภคผัก และผลไม้อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้อีกด้วย งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การบริโภคผัก และผลไม้ในปริมาณที่มากขึ้นทำให้เกิดความเสี่ยงน้อยในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
ท้ายที่สุด การบริโภคผักและผลไม้อาจส่งผลดีต่อน้ำตาลในเลือดอีกด้วย เส้นใยจากอาหารเหล่านี้ทำให้การดูดซึมน้ำตาลช้าลงซึ่งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่
งานวิจัยหนึ่งระบุว่า การบริโภคผัก และผลไม้เพิ่มขึ้นช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้จริง
ทั้งนี้การรับประทานผัก และผลไม้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ๆ หากรับประทานสด ๆ แต่ต้องระวังว่า การนำมาทำเป็นน้ำผลไม้อาจเสี่ยงต่อการรับน้ำตาลในปริมาณที่เกินความจำเป็นได้ น้ำผลไม้ให้วิตามินแร่ธาตุ และน้ำตาลเข้มข้นที่พบในผลไม้ แต่หากไม่มีไฟเบอร์ก็ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากนัก
สรุป
การรับประทานผักและผลไม้อย่างเพียงพอช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและมะเร็ง ในขณะที่ควบคุมน้ำหนักและน้ำตาลในเลือดได้ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน คุณสามารถอ่านการรักษา และป้องกันโรคหัวใจ มะเร็ง และเบาหวานเพิ่มเติมได้จากที่นี่ Club of Thai Health
สรุปช่วงท้าย
ในทางพฤกษศาสตร์แล้ว ผักและผลไม้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
แต่อย่างไรก็ตามทั้งผัก และผลไม้อุดมไปด้วยสารอาหาร และมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่อย่างมาก ตั้งแต่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ไปจนถึงการลดรอบเอวได้
ตามหลักโภชนาการแนะนำให้รับประทานผัก และผลไม้อย่างน้อย 5 มื้อต่อวัน โดยมีผัก 3 ถ้วยและผลไม้ 2 ถ้วย
สุดท้ายแล้วการจำแนกประเภทของผัก และผลไม้ไม่ได้สำคัญเท่ากับการรับประทานอาหารให้หลากหลาย เพื่อใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่หลากหลาย และดีต่อสุขภาพ