การตลาดในยุคปัจจุบันมีวิธีมากมายที่จะส่งถึงกลุ่มเป้าหมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการเขียนบทความลงเว็บไซต์ออนไลน์ แต่จะทำยังไงให้เรื่องราวบนเว็บไซต์ของเราเข้าถึงคนมากที่สุด นั้นเป็นที่มาของบทความ SEO ซึ่ง Team Digital สถาบันอบรมการตลาดออนไลน์ได้แนะนำ 7 วิธีเขียนบทความ SEO ฉบับมือใหม่ให้ติดอันดับบน Google ไว้ ดังนี้
แนะนำ 7 วิธีเขียนบทความ SEO ฉบับมือใหม่ให้ติดอันดับ Google
แน่นอนว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ถึงแม้ว่าการเขียนบทความ SEO จะไม่ต้องลงทุนด้วยเงิน แต่การศึกษาให้เข้าใจผ่านคอร์สเรียน SEO ที่มีคุณภาพก็นับเป็นการลงทุนระยะยาวที่ดี หลังจากนั้นค่อยลงทุนด้วยการคิด, เรียบเรียงบทความ และหาคีย์เวิร์ดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ติดอันดับบนหน้า Google ซึ่งหลัก ๆ แล้วต้องคำนึงถึง 7 ปัจจัยที่สำคัญ ดังนี้
ความสำคัญของ Keyword
Keyword เป็นหัวใจหลักสำคัญรองลงมาจากเนื้อหาบทความ ต้องวิเคราะห์ให้ได้คำที่เหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อหาของคอนเทนต์จึงจะดูสละสลวยและจับกลุ่มเป้าหมายได้ ปริมาณของ keyword ต้องไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป ซึ่ง Team Digital แนะนำเครื่องมือหาคีย์เวิร์ดอย่าง Ubersuggest, Keyword Tool, Ahrefs Keywords Explorer หรือใช้ Related Searches บนหน้าค้นหาของ Google ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง
เนื้อหาในบทความ
ควรเน้นประเด็นไปตามหัวข้อหรือเนื้อเรื่องภายนอกที่เกี่ยวข้องแต่ไม่ควรมากจนเกินไป และควรมี keyword อยู่ทุกย่อหน้า ทุกหัวข้อเรื่อง ไม่ควรเขียนต่ำกว่า 500 คำ จำนวนคำที่ดีคือ 700-1000 คำ เพื่อให้บทความมีประสิทธิภาพ และภาษาที่ใช้เขียนควรมีเอกลักษณ์ประจำตัวของแบรนด์
องค์ประกอบในบทความ
การเขียนบทความ SEO ก็เหมือนการเขียนเรียงความ ที่ต้องมีการจัดย่อหน้า H1 H2 H3 เพื่อให้บทความน่าสนใจและเข้าใจง่าย อีกทั้งการเลือกรูปภาพก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งผลสำรวจของ Team Digital พบว่า คนเราจะเข้ามาอ่านเว็บไซต์จากการมองเห็นเฉย ๆ โดยประมาณ 94% เลยทีเดียว
Internal Link & External Link
Internal Link & External Link คือลิ้งค์ที่จะช่วยให้บทความมีเรื่องราวและความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
- Internal Link (ลิงก์ภายใน) คือ การเพิ่มลิ้งค์ไปหน้าคอนเทนต์อื่นภายในเว็บไซต์เดียวกันเพื่อเป็นการอ้างอิง และเพิ่มตัวเลือกให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ด้วย
- External Link (ลิงก์ภายนอก) เพื่อเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ เปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายเข้าไปเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์เจ้าของคอนเทนต์ได้ ทั้งนี้ในสายตา Google จะถือว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีเนื้อหาคุณภาพดีเว็บอื่น ๆ ถึงใส่ลิ้งค์อ้างอิงให้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเว็บแบบไหนใส่ลิ้งค์ให้เราก็จะดีเสมอไป ซึ่งการเทคนิคนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า การทำ Link Building จะให้ดีควรหาคอร์สเรียน SEO แบบ Offsite เพิ่มจะได้เข้าใจเทคนิคนี้ได้อย่างถ่องแท้
ตรวจสอบความถูกต้อง
บทความที่ดีควรตรวจสอบความถูกต้องก่อนลงเว็บไซต์ออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นย่อหน้ามีครบทุกองค์ประกอบหรือไม่ จำนวนคำไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป keyword ที่เข้ากับบทความ Link ทั้งภายในและภายนอก ภาษาที่ใช้ถูกต้องไม่สะกดผิด และที่สำคัญไม่ควรเขียนวกไปวนมา หรือใช้คำเปลืองนั่นเอง
ความสำคัญ Meta Tag
Meta Tag คือ กล่องข้อความที่ขึ้นหน้า google เวลาที่เราเสิร์ชหาข้อมูล มาพร้อมข้อความสรุปสั้น ๆ เพื่อ Preview ให้ผู้อ่านสนใจที่จะกดเข้ามาอ่านเพิ่มเติม ซึ่งข้อความนี้ควรมีความยาวประมาณ 60-80 คำ และมีคำอธิบายประมาณ 180-250 คำ แน่นอนว่าการเลือกใส่คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงได้มากขึ้น
ความสม่ำเสมอ
เพื่อให้เว็บไซต์มีการเติบโต และ Google ยอมรับ ตัวเว็บไซต์ต้องมีการอัพเดต และเพิ่มเนื้อหาคอนเทนต์อยู่เสมอ ยิ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วเท่าไหร่ อันดับบนหน้า Google ก็จะดีขึ้นเท่านั้น
ในการเขียนบทความ SEO ไม่เพียงแต่จะให้ความรู้ด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้า/บริการของเว็บไซต์เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญก็คือ การทำการตลาดแบบยั้งยืน เพราะตัวบทความไม่มีวันหมดอายุ เขียนเพิ่มใหม่ก็ช่วยทำอันดับได้ใหม่ ดังนั้น Team Digital จึงมองว่า การเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดคือการเตรียมคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ เมื่อผู้อ่านอยู่บนเว็บไซต์นานเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นตัวชี้ว่าบทความนี้มีประโยชน์ และน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น
