มหาดไทยช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเต็มกำลังความสามารถย้ำสอบถามข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 และสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่าจากสถานการณ์อุทกภัยที่พี่น้องประชาชนในหลายจังหวัดกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการเน้นย้ำและกำชับแนวทางการให้บริหารจัดการสถานการณ์เพิ่มเติมจากแนวทางที่ทุกจังหวัดอำเภอถือปฏิบัติกันอยู่แล้วคือ เรื่องของความรวดเร็วในการที่จะลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั้งก่อนเกิดภัยระหว่างเกิดภัยและหลังเกิดภัยโดยที่สำคัญที่สุดก็คือว่าทางผู้นำหน่วยในพื้นที่ อันประกอบไปด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดรองผู้ว่าราชการจังหวัดปลัดจังหวัดและนายอำเภอ

จะต้องมีการดูแล บูรณาการเข้าไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชนตามมาตรการที่ได้ซักซ้อมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องใหญ่คือ ต้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบถึงสถานการณ์ของน้ำทั้งน้ำจากฟากฟ้า คือ ฝนตก และน้ำจากต้นทางของแม่น้ำลำคลอง ลำห้วย คือ จากเทือกเขา รวมตลอดจนถึงอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่มีปริมาณความจุน้ำน้อยที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษโดยใช้กลไกมิสเตอร์เตือนภัย จิตอาสา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ช่วยกันในการสอดส่องสังเกตดูแลและคอยเตือนภัยแจ้งเตือน (warning) เพื่อที่จะรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงไปของสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในจุดเสี่ยงภัย เช่น บริเวณตีนเขาที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดดินสไลด์หรือเป็นเส้นทางที่อยู่น้ำไหลหลากเพราะตอนนี้สถานการณ์ของทางภาคเหนือส่วนใหญ่จะเป็นน้ำไหลหลากเนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่สูงและมีสิ่งกีดขวางทางน้ำทั้งนี้หากประเมินแล้วว่าจะเกิดเหตุแต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนผู้ว่าราชการจังหวัดนายอำเภอก็จำเป็นต้องใช้อำนาจตามกฎหมายในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด/อำเภออย่างจริงจังต้องออกคำสั่งให้เด็ดขาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งการสร้างเครือข่ายขยายผลฐานความรู้ หรือฐานข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งน้ำ เกี่ยวกับจุดเสี่ยงภัยเกี่ยวกับช่องทางการสื่อสารที่จะเฝ้าระวังติดตามน้ำ นำข้อมูลข่าวสารจากการเฝ้าระวังติดตามน้ำไปสู่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง

สำหรับการดำเนินการ เมื่อเกิดภัยผู้นำหน่วยในพื้นที่ต้องน้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขโดยเร็วด้วยการบูรณาการกำลังคน ระดมสรรพกำลัง เครื่องไม้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนพร้อมทั้งจัดพื้นที่ที่ปลอดภัยไว้ให้เป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราวมีที่หลับที่นอนมีโรงครัวประกอบอาหารการกิน มีน้ำดื่มสะอาด มีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม หยูกยารักษาโรค โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องร่วมกับประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดและเหล่ากาชาดจังหวัดเป็นหน่วยหลักเติมเต็มบรรเทาความทุกข์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน นอกเหนือจากความช่วยเหลือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เรามีหลักการแนวทางและกฎหมายรองรับการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว และหากพื้นที่ไหนต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยเพื่อให้เกิดการบูรณาการเข้าไปช่วยเหลือตามกฎหมาย ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยคณะกรรมการตามกฎหมายสามารถพิจารณาประกาศได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ภายหลังการเกิดเหตุต้องเข้าสู่การฟื้นฟูและเยียวยาตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นการแก้ไขในขั้นต้น และในส่วนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ กระทรวงมหาดไทยโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ร่วมกับพี่น้องประชาชนจัดทำผังน้ำชุมชน (Geo – Social Map) เพื่อเติมเต็มระบบผังน้ำของประเทศไทยให้เสร็จสมบูรณ์มาเป็นเวลา 1 เดือนเศษ เรามีข้อมูลผังลุ่มน้ำ 22 ลุ่มน้ำ และผังน้ำชุมชนกว่า 100,000 ผังซึ่งขณะนี้ทุกส่วนราชการ/หน่วยงาน สามารถนำ Geo – Social Map ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้แล้ว

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้กำชับไปยังทุกจังหวัดในการเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนซึ่งทุกจังหวัดได้บูรณาการในการเตรียมความพร้อม และซักซ้อมแนวปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกด้าน แต่ทว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้น ก็ส่งผลทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มรวม 28 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ ลำพูน เชียงใหม่ ลำปาง สุโขทัย น่าน ตาก กำแพงเพชร แพร่ เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก ตราด กาญจนบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สตูล และจังหวัดยะลา รวม 94 อำเภอ 320 ตำบล 1,361 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,499 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 12 จังหวัด 61 อำเภอ 239 ตำบล 1,057 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,797 ครัวเรือนนายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว

ปลัด มท. ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตระหนกตกใจโดยทุกจังหวัดได้บูรณาการภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเร่งเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ด้วยเจตนาเดียวกัน คือ มุ่งหมายให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติโดยเร็วที่สุด และขอเรียนว่า สถานการณ์ที่เกิดในตอนนี้เป็นภาวะน้ำท่วมไหลหลากที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะไหลลงไปสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็จะดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็อย่าได้ประมาทด้วยการติดตามฟังข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งจากผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น อย่างต่อเนื่อง และขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของทุกภาคส่วนว่าสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในยามเกิดสถานการณ์อุทกภัยได้อย่างเต็มกำลังความสามารถและแม้ว่าในช่วงเวลานี้เราอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังประสบกับสถานการณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 28 จังหวัด แต่ก็ต้องอย่าลืม น้ำแล้งซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนมหาดไทยก็ต้องดูแลพี่น้องประชาชนอีกหลายจังหวัดที่ในพื้นที่กำลังประสบกับสถานการณ์ภัยแล้งจากอิทธิพลของเอลนีโญหรือภาวะฝนแล้ง อย่างเช่นที่จังหวัดนครสวรรค์ ตอนนี้บึงบอระเพ็ดยังต้องเพียรพยายามสูบน้ำจากแม่น้ำน่านซึ่งมีระดับต่ำกว่าบึงบอระเพ็ดเป็นเมตร ๆ เพื่อเติมเต็มน้ำในบึงบอระเพ็ดที่จะต้องมีระดับน้ำที่มากพอเพื่อรักษาสมดุลสภาวะแวดล้อมหรือที่เราเรียกว่า ความหลากหลายทางชีวภาพ อันประกอบด้วย สัตว์น้ำ พืชน้ำ และนกน้ำ ที่มีเป็นหมื่น ๆ ชนิดไม่ให้สูญพันธุ์ไป หรือที่จังหวัดพิษณุโลกก็ยังมีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย แม้ว่าจะมีน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอที่ติดกับจังหวัดเลยที่เป็นที่สูง เช่น อำเภอวังทอง แต่ปริมาณน้ำในคลองชลประทานและแหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตรยังน้อยอยู่มาก โดยตนได้มีวิทยุแจ้งไปเมื่อวานนี้ (30 ก.ย. 66) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอได้ช่วยกัน Re X-Ray สำรวจว่ามีพื้นที่เสี่ยงภัยในอำเภอและจังหวัดที่มีความเสี่ยงภัยเรื่องภัยแล้ง หรือเรื่องน้ำท่วม อยู่บริเวณไหนบ้าง และมีแนวทางเสนอแนะว่าการแก้ไขปัญหาระยะยาว อยากให้ทำอะไร และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ทำไปแล้ว ทำอะไร เพื่อนำเข้าสู่ระบบ MOI War Room ที่จะเป็น Big Data การบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่ที่กระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำสำหรับประชาชนได้ครอบคลุมทั่วถึงในทุกมิติ เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวทางไว้ว่า ยามที่เรามีน้ำท่วม ก็ต้องพยายามระบายน้ำให้แห้ง เพื่อให้คนหายจากความเดือดร้อนโดยเร็ว แต่เวลาหน้าแล้งเราจะไม่มีน้ำใช้เพราะฉะนั้นดีที่สุด เราจะทำอย่างไรที่จะหาแนวทางจัดเก็บน้ำยามที่มีน้ำมาก ใส่โอ่ง ใส่ตุ่ม ใส่บึง ใส่แก้มลิง ใส่หนองน้ำ หรือถ้ามีระยะเวลายาวพอสมควร สิ่งที่เราเรียกว่า การบริหารจัดการพื้นที่ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา หรือที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวทางไว้ในเรื่องของ อารยเกษตรคือทำให้พื้นที่ของเรามีเรื่องของแหล่งน้ำที่จะตัดมวลน้ำในที่ราบลุ่มไม่ให้ไหลลงไปสู่แม่น้ำทั้งหมด ให้เก็บไว้ในพื้นที่ที่เราสามารถกักเก็บได้

ข้อมูลจากการ Re X-Ray พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำแล้งและน้ำท่วมที่ชาวมหาดไทยกำลังดำเนินการสำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ต.ค. นี้ จะได้นำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะท่านได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และจะได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณานำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การบริหารจัดการงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาด้านการจัดการน้ำของประเทศที่อิงกับ Thai Water Plan : TWP ที่ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อาจจะไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เพราะการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้งนั้น ต้องมีแหล่งน้ำขนาดเล็กมากที่จำเป็นต้องดำเนินการจัดทำเพื่อให้สามารถช่วยตัดมวลน้ำหรือกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง ไม่ให้น้ำท่วมในหน้าฝน หรือกรณีที่เจอปัญหาเฉพาะหน้าในยามที่ฝนตกหนักเช่นนี้ แต่แหล่งน้ำขนาดเล็ก ไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้ในระบบ TWP ซึ่งจะได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาหลักการปลดล็อคการบริหารจัดการน้ำโดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลจาก TWP เพื่อให้โครงการขนาดเล็ก ขนาดย่อย สามารถได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ระบบการบริหารจัดการน้ำของเราสมบูรณ์แบบ และมีความยั่งยืนนายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามระเบียบของทางราชการ ภายหลังจากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ โดยพี่น้องประชาชนที่กลับเข้ายังอาคารบ้านเรือน ขอให้ได้ตรวจสอบความเสียหายและความปลอดภัยของตัวบ้านก่อนที่จะกลับเข้าไปในบ้าน เช่น ระบบไฟฟ้า ท่อประปา แก๊ส รวมถึงสัตว์มีพิษที่อาจเข้ามาอาศัยในบ้าน และหากต้องการขอรับความช่วยเหลือในทุกเรื่อง ขอให้ได้แจ้งไปยังผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนนิรภัย 1784 และสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน