รีวิว‘หัวเว่ยโนวา4’ ล้ำหน้าเกือบเท่ารุ่นเรือธง
คอลัมน์ หลากหลาย
โดย…จันท์เกษม รุณภัย
รีวิว‘หัวเว่ยโนวา4’ – เทรนด์จอไร้ขอบแบบสมบูรณ์กำลังก้าวไปอีกขั้นในปีนี้ ค่ายหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ของจีน ส่งสมาร์ตโฟนระดับกลางอย่าง หัวเว่ย โนวา 4 ที่มีจอไร้ขอบแบบไม่มีติ่ง แต่มีจุดเด่นที่มีเพียงช่องของกล้องหน้าอยู่ที่มุมซ้ายบนของจอเท่านั้น!
ผลการทดสอบของข่าวสด ไอที เริ่มที่ไฮไลต์จอภาพแบบทัชสกรีนแม้จะเป็นเทคโนโลยีแอลซีดี แต่ทางหัวเว่ยเจาะรูที่มุมซ้ายบนเป็นช่องของโมดูลกล้องถ่ายภาพด้านหน้าลงไปได้! ถือเป็นค่ายแรกๆ ที่กล้าทำแบบนี้กับจอแอลซีดี
ส่วนจอ FullView ของเครื่องนั้นแน่นอนว่ามีอัตราส่วนจอภาพต่อตัว เครื่องถึงร้อยละ 86 เป็นจอละเอียดแบบ ฟูลเอชดี+ (1,080×2,310 พิกเซล) ขนาด 6.4 นิ้ว มีความหนาแน่นพิกเซลอยู่ที่ 398 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) การทดสอบพบว่าให้สีสดใสชัดเจน มีความสว่างที่เพียงพอต่อการใช้งานกลางแจ้ง แต่จอค่อนข้างเปื้อนลายนิ้วมือง่าย
การออกแบบภายนอกของโนวา 4 ยังคงความโดดเด่นตามเอกลักษณ์ของหัวเว่ยด้วยสีแบบเกรเดียนต์ ซึ่งทางหัวเว่ยระบุว่า ไม่ใช่เป็นการฉาบสีลงไปปกติ แต่เป็นวัสดุพิเศษที่พื้นผิวนั้นจะเล่นกับแสงออกมาเป็นสีต่างๆ ทำให้สีตัวเครื่องของหัวเว่ยนั้นไม่ลอก และไม่ซีด
รูปโฉมความพรีเมียมของตัวเครื่อง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลาง ทั้งยังมี ยูเอสบี–ซี และช่องเสียบหูฟังแบบมินิแจ๊กขนาด 3.5 มิลลิเมตร มาให้ครบครัน ส่วนเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่อยู่ด้านหลังนั้นทำงานได้ไวและง่ายต่อการใช้อย่างมาก เป็นอีกเอกลักษณ์ของหัวเว่ยที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ส่วนตัวเครื่องนั้นมีขนาดกว้าง 75.1 ยาว 157 หนา 7.8 ม.ม. น้ำหนักอยู่ที่ 172 กรัม ผู้ทดสอบมองว่าน้ำหนักกำลังดี
โนวา 4 ใช้ขุมพลังจากชิพประมวลผล Hisilicon Kirin 970 ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 10 นาโนเมตร ภายในมีหน่วยประมวลผล หรือซีพียู 8 หัว (Octa-core) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.4 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) และ 1.8 GHz หน่วยประมวลผลกราฟิก หรือจีพียูรุ่น Mali-G72 MP12
หน่วยความจำแรม 8 กิกะไบต์ (GB) ความจุภายใน 128 GB มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 9.0 จากกูเกิ้ล ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว รองรับการใช้งานได้ครอบคลุม และเล่นเกมที่กินกราฟิกสูงได้สบายๆ อย่าง PUBG เพราะจีพียูมีระบบ Turbo Boost ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานแอพพลิเคชั่นที่กินกราฟิกสูงส่วนลำโพงที่อยู่ด้านล่างนั้นเสียงอยู่เกณฑ์ดี แต่น่าจะดังได้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบเล่นเกมเป็นระยะเวลานาน พบว่าเครื่องร้อนอยู่บ้าง แนะนำให้ใส่เคสจะดีกว่า ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 3,750 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) เพียงพอต่อการใช้งานปกติทั้งวัน แต่หากใช้งานหนักมากๆ ก็อาจอยู่ได้ราวๆ 6 ชั่วโมง แต่เครื่องนั้นรองรับระบบชาร์จไฟไว และชาร์จเต็มได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที
ไฮไลต์อีกด้านคือกล้องถ่ายภาพเซลฟี่ด้านหน้าความละเอียดถึง 25 ล้านพิกเซล (MP) f/2.0 รองรับภาพแบบ HDR และมีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ คอยช่วยรีทัชให้ภาพออกมาสวยงาม อย่างไรก็ดีจากการทดสอบพบว่า เครื่องอาจมีอาการช้าลงบ้างเวลาประมวลผล ส่วนคุณภาพนั้นยังขาดรายละเอียดในที่มืด
ถัดมาเป็นกล้องหลังแบบ 3 เลนส์ โดยเลนส์หลักมีความละเอียด 48 MP f/1.8 เลนส์อัลตราวาย 16 MP f/2.2 และเลนส์ลึก 2 MP f/2.4 พร้อมระบบ AI camera ช่วยรีทัชภาพให้มีความสวยงามคมชัดตามแต่ละสภาพแวดล้อมที่ถ่าย โดยผลการทดสอบถือว่าน่าประทับใจมาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ที่สภาพแวดล้อมแสงเพียงพอ แม้แต่โหมดถ่ายกลางคืนอย่างไนต์โหมด ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน เพราะมีนอยส์น้อยมาก และภาพที่ได้ค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่าหลายรุ่นที่ผู้ทดสอบเคยทดลองใช้มา รวมทั้งการประมวลผลของกล้องหลังนั้นฉับไวด้วย
สิ่งที่น่าจะเป็นอุปสรรคที่สุด เห็นจะเป็นเต้าเสียบชาร์จไฟที่แถมมามีลักษณะปลั๊กที่ค่อนข้างแตกต่างไปจากที่ใช้กันทั่วไปในประเทศไทย ผู้ใช้อาจต้องซื้อเต้าแปลงหัวมาเสียบอีกทีหนึ่ง ทางหัวเว่ยอาจลงไปดูแลในจุดนี้ด้วยสำหรับรุ่นหลังๆ ที่จะตามออกมา เพราะอาจสร้างความยากลำบากให้ผู้ใช้โดยไม่จำเป็น
โดยสรุป หัวเว่ย โนวา 4 เป็นสมาร์ตโฟนที่ต่อยอดมาจากความสำเร็จของโนวา 3 แม้จะมีข้อแตกต่างกันไม่มากนักทำให้ดูไม่หวือหวา แต่ประสิทธิภาพของโนวา 4 นั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ล้ำหน้ามากจนเรียกว่าเกือบเท่าเรือธงในชั้นพรีเมียมของบางค่ายก็ว่าได้ ยิ่งขายด้วยราคา 15,000 บาท ถือว่าเกินคุ้มแล้วสุดๆ
หัวเว่ย วาย 7 โปร
สําหรับผู้ที่ต้องการเล่นราคาลดลงมาอีก ทางหัวเว่ยนั้นมีรุ่น หัวเว่ย วาย ซีรีส์ รองรับด้วย โดยทางผู้ทดสอบได้เครื่อง วาย 7 โปร รุ่นใหม่ล่าสุดของปีนี้มาทดลองใช้ราว 2 สัปดาห์ หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจของรุ่นวาย 7 โปร
คือ การออกแบบจอภาพ FullView ที่แม้จะมีขอบมากกว่ารุ่นข้างบน และมีติ่งห้อยติดมาที่ด้านบน แต่น้อยรุ่นในสมาร์ตโฟนตลาดล่างที่จะมีกล้องหลัง 2 เลนส์ พร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่มองผิวเผินแล้วนึกว่าเป็นสมาร์ตโฟนพรีเมียม แต่ความจริงแล้วสนนราคาที่ 4.,500 กว่าบาทเท่านั้น!
หัวเว่ย วาย 7 โปร มีหน้าจอแสดงผลแบบแอลซีดี ขนาด 6.26 นิ้ว ความละเอียดแบบ เอชดี+ (720×1,520 พิกเซล) อัตราส่วนภาพ 19 ต่อ 9 และอัตราส่วนจอต่อตัวเครื่อง ร้อยละ 80 มีความหนาแน่นพิกเซล 269 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) ด้านบนของขอบจอมีติ่ง (notch) แต่เป็นติ่งที่ไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่ดูเกะกะลูกตา
ข้อแตกต่างของวาย 7 โปร อย่างแรกคือทางหัวเว่ยใช้ตัวเครื่องที่มาจากพลาสติกโพลีคาร์บอเนตชั้นดีแต่พ่นสีมาให้มีลักษณะคล้ายโลหะ แน่นอนว่าข้อดีของพลาสติกนั้นมีความทนทานต่อความเสียหายจากการตกกระแทกมากกว่าโลหะ และทำให้เครื่องมีน้ำหนักเบาอยู่ที่ 168 กรัม ส่วนขนาดเครื่องอยู่ที่กว้าง 76.9 ยาว 158.9 และหนา 8.1 มิลลิเมตร
วาย 7 โปร ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,000 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) ประกอบสเป๊กขุมพลังที่ใช้ชิพประมวลผล Qualcomm SDM450 Snapdragon ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 14 นาโนเมตร ภายในเป็นหน่วยประมวลผล กลาง หรือซีพียู 8 หัว (Octa-core) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 1.8 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) หน่วยความจำแรม 3 กิกะไบต์ (GB) ความจุ 32 GB
จากการทดสอบพบว่า สเป๊กดังกล่าวนั้นเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่หากผู้ใช้เปิดแอพพลิเคชั่นหลายๆ แอพฯ พร้อมกัน และใช้งานต่อเนื่องตลอดเวลาอาจทำให้เครื่องเกิดอาการช้าลงได้บ้าง คาดว่ามาจากแรม ดังนั้นแนะนำให้ผู้ใช้รีเซ็ตแรมบ่อยๆ
ทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จก็จะทำให้ปัญหาดังกล่าวหายไป ส่วนระยะเวลาการใช้งานนั้นยาวนานสะใจ ใช้งานทั้งวันได้สบายๆ หากใช้งานไม่มากอาจได้ถึง 2 วัน ดูภาพยนตร์แบบ 1,080p ติดต่อกันนานถึงเกือบ 18 ชั่วโมง (ความสว่างครึ่งหนึ่ง)
ประโยชน์ใช้สอยของวาย 7 โปรนั้นถือว่าเหลือกิน เพราะถาดใส่ซิมนั้นเป็นแบบทริปเปิ้ลสล็อต สามารถใส่ ได้ 2 ซิม และรองรับการ์ดไมโครเอสดีได้ถึง 512 GB ถือเป็นสเป๊กที่เรือธงระดับพรีเมียมของบางค่ายยังไม่มีด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่เครื่องใช้ micro-USB และเสียงจากลำโพงนั้นทั้งเบาและคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร
ด้านกล้องถ่ายภาพด้านหลังของวาย 7 โปร มีเลนส์หลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (MP) และเลนส์ลึกความละเอียด 2 MP f/1.8 ทั้งคู่
จากการทดสอบพบว่า ภาพที่ได้นั้นมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์พอใช้ เนื่องจากภาพคอนข้างขาดรายละเอียด และการบริหารจัดการเรื่องแสงยังไม่ดีเท่าที่ควร น่าแปลกใจมากเพราะเครื่องนั้นมาพร้อมกับระบบ AI camera ที่ช่วยรีทัชภาพให้คมชัดมากขึ้น แต่ฟีเจอร์ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก ยิ่งภาพช่วงกลางคืนนั้นนอยส์มีปริมาณมาก และภาพยิ่งขาดรายละเอียดหนักเข้าไปอีก
แต่ความโดดเด่นของการถ่ายภาพนั้นกลับมาอยู่ที่กล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 MP ที่ด้านหน้าแทน โดยคุณภาพที่ได้นั้นดีกว่ากล้องหลังอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นที่สว่าง และที่มืด เพราะมีรายละเอียดของภาพมากกว่า แสงเงาทำได้ดีกว่า สีมีความชัดเจนถูกต้องกว่า แม้คุณภาพจะลดลงในที่มืดแต่ก็ยังดีกว่ากล้องหลังมาก
สรุปแล้วแม้หน่วยความจำแรมอยู่ ที่เพียง 3GB อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานหนักๆ แต่ วาย 7 โปร ทดแทนข้อด้อยที่ว่าด้วยจอภาพที่เกือบไร้ขอบ กล้องเซลฟี่ที่คมชัด และแบตฯ ขนาดมหึมา ทำให้ระยะเวลาการใช้งานนั้นยาวนานสะใจ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนราคาเบาๆ แบบคุ้มๆ ชั่วโมงนี้
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง