หมื่นคณะร่วมจอง เจ้าภาพ พิธีพระบรมศพ

ในหลวงเสด็จฯ บำเพ็ญสตมวาร ปีติพระราชทาน ภาพฝีพระหัตถ์ จำหน่ายช่วยใต้

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวารพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะที่พสกนิกรเฝ้าฯ รับเสด็จเนืองแน่น แม้สำนักพระราชวังจะปิดให้เข้าถวายสักการะก็ตาม เผยหลังบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร ถือว่าสิ้นสุดพระราชพิธีหลวง แต่ยังให้จัดสวดพิธีธรรมพระอภิธรรมวันละ 4 รอบ ให้หน่วยงานเอกชนเป็นเจ้าภาพได้รอบละ 11 คณะ เผยรอเป็นเจ้าภาพอีกหมื่นคณะ และเตรียมพิธี ทำกงเต๊กถวาย 5 ครั้ง เริ่มวันที่ 28 ก.พ.เป็นวันแรก ในหลวงพระราชทานภาพฝีพระหัตถ์จำหน่ายหาเงินช่วยน้ำท่วมและถวายเป็นพระราชกุศลรัชกาลที่ 9

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 21 ม.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 100 จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วทรงประเคนภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหา วิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 20 ม.ค.

ต่อมาเวลา 11.09 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวารพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการนี้มีคุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณ สิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี รวมทั้งสมาชิกราชสกุล คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต คณะตุลาการ สมาชิกสภานิติบัญญัติ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ร่วมในพระราชพิธี

จากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องราชสักการะ ทรงกราบถวายบังคมพระบรมศพ แล้วทรง จุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นมหาเศวต ฉัตร พระสงฆ์ 30 รูปที่สวดพระพุทธมนต์ แต่วันก่อนถวายพรพระ จบ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระมหาโพธิวงศาจารย์ วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ที่จะถวายพระธรรม เทศนาและพระสงฆ์ 4 รูป จากวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ที่จะสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีล และพระมหาโพธิวงศาจารย์ ถวายพระธรรมเทศนา จบ พระสงฆ์ 4 รูป สวดธรรมคาถา แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์อีก 89 รูปเท่าพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช สวดมาติกา สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า แม้วันนี้สำนักพระ ราชวังจะปิดการขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และปิดการจำหน่ายบัตรเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง เนื่องจากมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราช กุศลสตมวาร (100 วัน) ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง แต่ยังคงมีประชาชนจำนวนหนึ่งสวมใส่ชุดไว้ทุกข์สีดำมาปักหลักเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ อยู่บนฟุตปาธถนนหน้า พระลาน บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ฝั่งตรงข้ามประตูวิเศษไชยศรี ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน บางคนถือพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้เหนือศีรษะและแนบอก

นางบังอร กันหาชัย อายุ 53 ปี ชาว จ.อุบล ราชธานี ที่มารอรับเสด็จพร้อมสามี กล่าวว่า เมื่อก่อนตนยังอาศัยอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งที่บ้านไม่ค่อยมีฐานะ จึงยากลำบากในการเดินทางเข้าเมือง ทำให้ไม่มีโอกาสได้รับเสด็จในหลวง รัชกาลที่ 9 แค่ติดตามข่าวพระราชกรณียกิจและเห็นพระองค์ทางโทรทัศน์ก็ปลาบปลื้มใจมากแล้ว ตนและครอบครัวรักพระองค์มาก เมื่อพูดหรือนึกถึงก็อยากจะร้องไห้ พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชน และเสด็จพระราช ดำเนินไปช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ โดยไม่ถือพระองค์

นางบังอรกล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนมาทำงานและอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ประมาณ 6 ปีแล้ว จึงมีโอกาสได้มากราบสักการะพระบรมศพแล้ว 4 ครั้ง แม้บางครั้งจะต้องรอกว่า 7 ชั่วโมง แต่ก็รู้สึกว่าไม่นานเลย ดีใจและตื้นตันใจที่ ได้มา วันนี้ทราบข่าวว่าปิดการกราบสักการะพระบรมศพ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศล สตมวาร ตนจึงอยากมาเฝ้าฯ รับเสด็จ

ด้านนางจำเนียร มาลากุล อายุ 56 ปี ชาวกรุงเทพฯ และนางสิริกาญจน์ เนติวิธวรกุล อายุ 72 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ร่วมกันกล่าวว่า เดินทางมารอเฝ้าฯ รับเสด็จตั้งแต่ 06.00 น. ก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันแรกและเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หลังจากนั้นก็เดินทางมาเรื่อยๆ ทุกวัน โดยพยายามจัดสรรเวลาทำงาน และเวลาที่จะมารอกราบพระบรมศพซึ่งไม่สามารถ นับครั้งได้ เพราะด้วยรักและสำนึกในพระมหา กรุณาธิคุณที่ทรงทำเพื่อประชาชน พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดารช่วยเหลือประชาชนให้มีความกินดีอยู่ดี ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ว่าในเรื่องของความพอเพียง การสอนให้เรารักสามัคคีกัน พวกตนจึงตั้งใจที่จะสานต่อพระราชปณิธานด้วยการทำความดีและมีความเมตตา พวกตนได้บอกเล่าเรื่องราวของพระองค์ให้ลูกหลานฟัง เพื่อปลูกฝังให้รักในสถาบันพระมหากษัตริย์ และเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงทำอะไรไว้ให้พวกเราบ้าง

นางจำเนียร และนางสิริกาญจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า พวกตนเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเกือบทุกวัน นับได้มากกว่า 89 ครั้ง จึงตั้งใจจะนำภาพพระบรมโกศและพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ได้รับเป็นที่ระลึก รวมถึงข้าวเปลือกพอเพียง ไปแจกให้แก่ผู้สูงอายุในต่างจังหวัดที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามากราบพระบรมศพ อีกทั้งหลังจากนี้ก็ยังจะมาเข้าแถวขึ้นกราบพระบรมศพต่อไปเรื่อยๆ จึงอยากจะนำข้าวเปลือกพอเพียงที่มีมาแจกให้แก่ประชาชนด้วย

ส่วนนางสมปอง รอดอ่ำ อายุ 57 ปี ชาว จ.นครปฐม กล่าวว่า ตนเดินทางมาเพียงลำพัง โดยตั้งใจจะมากราบสักการะพระบรมศพ แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าสำนักพระราชวังปิดไม่ให้เข้ากราบ เนื่องจากพระราชพิธีทำบุญ 100 วัน เพราะไม่มีเวลาติดตามข่าวสารเลย แต่มาวันนี้ไม่ได้เข้าก็ไม่เสียใจ เพราะวันที่ 28 ม.ค.จะมากับทางจังหวัดอีกครั้ง ส่วนครั้งนี้อยากมาเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อมาแล้วก็มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

นางสมปองกล่าวต่อว่า ตนรักและเทิดทูนพระองค์มาก เมื่อตอนอายุยังไม่ถึง 20 ปี เคยมีโอกาสถวายพวงมาลัยแด่พระองค์เมื่อครั้งเสด็จฯ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร และพระองค์ทรงรับด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ตนจำได้ติดตาตรึงใจตลอดมา นับเป็นบุญที่สุดของชีวิตพสกนิกรไทยคนหนึ่ง หลังจากนั้นตนก็ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์มาโดยตลอด และยึดพระองค์เป็นแบบอย่างในเรื่องของความประหยัด อดทน ขยัน ซื่อสัตย์ต่อการทำงาน และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

ขณะที่บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ด้านประตูเทวาภิรมย์ “กลุ่มดอกไม้บอกรักพ่อ” ได้ร่วมกันจัดดอกไม้สดเป็นรูปหัวใจ 9 ดวง ตามด้วยเลข ๙ รักพ่อ (รูปหัวใจ ๑๐๐ ล้าน รูปหัวใจ รักพ่อ ๙ อย่างสวยงาม โดยมีความยาวถึง 70 เมตร)

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ตามโบราณราชประเพณีถือได้ว่าเป็นการสิ้นสุด “พระราชพิธีหลวง” ถวายแด่พระบรมศพ แต่นับจากวันที่ 22 ม.ค. เป็นต้นไป พิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จะยังคงดำเนินต่อไป โดยปรับเปลี่ยนจากพระราชพิธีหลวงเป็นพิธีพระพิธี ธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

และเนื่องจากยังมีภาคเอกชน มูลนิธิ องค์กร และหน่วยงานต่างๆ แสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณถวายเป็นพระราชกุศล จำนวน 10,000 กว่าคณะ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ภาคเอกชน มูลนิธิ และหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมถวายพระบรมศพ

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มรอบการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ หลังการพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) จากเดิม 2 รอบ เป็น 4 รอบ คือในเวลา 10.00 น., 14.30 น., 17.00 น. และ 19.00 น. และเพิ่มจำนวนเจ้าภาพร่วมจากรอบละ 9 คณะ เป็น 11 คณะ หรือ 44 คณะต่อวัน ยกเว้น วันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ที่จะมีพระราชพิธีหลวง คือพระราชพิธีรับพระราชทานฉันเพล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และจะมีการแสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ โดยที่จะจัดต่อเนื่องในวันพฤหัสฯ ของทุกสัปดาห์

นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพิธีกงเต๊กถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 5 ครั้ง ประกอบด้วย คณะสงฆ์จีนนิกาย วันที่ 28 ก.พ. เวลา 13.00 น., คณะสงฆ์อนัมนิกาย วันที่ 21 มี.ค. เวลา 13.00 น., นายเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี พร้อมครอบครัวสิริวัฒนภักดี วันที่ 18 เม.ย. เวลา 13.00 น., สมาคมนักธุรกิจสัมพันธ์แห่งประเทศไทย วันที่ 23 พ.ค. เวลา 13.00 น. และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง วันที่ 28 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.เป็นต้นไป สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น.

สำนักพระราชวังได้ออกแนวทางปฏิบัติในการเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยระบุเรื่องการแต่งกายว่า สำหรับตัวแทนคณะจำนวน 5 คน ที่ขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สุภาพบุรุษให้สวมชุดขอเฝ้าไว้ทุกข์ ข้าราชการชุดปกติขาวไว้ทุกข์ ผู้หญิงสวมชุดไทยจิตรลดา สำหรับผู้ร่วมคณะ สุภาพบุรุษชุดดำสุภาพ หรือชุดสูท ผู้หญิงชุดดำสุภาพ เสื้อมีแขน กระโปรงยาวคลุมเข่า รองเท้าดำหุ้มส้น

ส่วนขั้นตอนการเข้าสักการะพระบรมศพ คณะเจ้าภาพต้องติดบัตรที่หน้าอกด้านซ้ายก่อนเข้าพระบรมมหาราชวัง โดยต้องมาพร้อมกันหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทก่อนกำหนด เวลาบำเพ็ญกุศลประมาณ 30 นาที เมื่อถึงบริเวณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าหน้าที่จะให้ลงทะเบียนและจัดที่นั่งให้คณะนั่งรอด้านล่าง เมื่อถึงเวลาจะเชิญผู้แทนเจ้าภาพคณะละ 5 คน ขึ้นไปบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำหรับอีก 45 คนนั่งที่เต็นท์ด้านล่างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จนเสร็จพิธีในรอบนั้น ซึ่งใน แต่ละรอบจะมีจำนวน 11 คณะ

จากนั้นให้ผู้แทนเจ้าภาพจาก 11 คณะที่ได้ขึ้นบนพระที่นั่งเลือกตัวแทน 1 คน เพื่อทำหน้าที่ประธานในพิธี ในการจุดธูปเทียนและกราบถวายสักการะพระบรมศพ โดยจะมี เจ้าหน้าที่กรมวังคอยแนะนำ และนำไปนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ เมื่อพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะเชิญประธานคณะเจ้าภาพร่วมไปถวายผ้าบังสุกุล และกลับที่นั่ง พระสงฆ์จะสวดสดับปกรณ์ในลำดับ ต่อไป ภายหลังเสร็จพิธีเจ้าหน้าที่กรมวังจะเชิญผู้ที่เป็นเจ้าภาพที่นั่งด้านล่างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทยอยขึ้นกราบพระบรมศพ จนครบทุกคน

วันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความ พระราชสาส์นแสดงความยินดีไปยังนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ (Mr.Donald J. Trump) ในโอกาสสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560

โดยมีข้อความพระราชสาส์นดังนี้ ในโอกาส ที่ท่านเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าในนามของราชอาณาจักร ไทย ขอส่งคำอำนวยพรและความปรารถนาดีอย่างจริงใจมายังท่านประธานาธิบดี เพื่อท่านประสบความสำเร็จและความสุขสวัสดิ์ ทั้งเพื่อประเทศและประชาชนชาวอเมริกันมีความเจริญก้าวหน้าและมีความรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งขึ้นไป

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าด้วยการเป็นผู้นำประเทศของท่าน สัมพันธไมตรีและความร่วมมือ อันใกล้ชิดที่มีมาอย่างยาวนานของเราทั้งสองจะกระชับแน่นแฟ้นและเจริญงอกงามยิ่งขึ้นไปอีกในภายภาคหน้า

(พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

จำหน่ายภาพวาดฝีพระหัตถ์”ร.10″

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ พร้อมทรงเขียนคำ อำนวยพร และหลักปรัชญาในการปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดความสุข โดยจัดทำเป็นบัตรอวยพร ปี 2560 รวม 4 แบบ ซึ่งจะวางจำหน่ายเพื่อนำรายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ซึ่งภาพวาดฝีพระหัตถ์ทุกภาพจะมีภาพบ้าน ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตาหิมะ กล่องของขวัญ คนที่กำลังมีความสุข และสุนัข

โดยบัตรอวยพรแบบแรก มีภาพพระพุทธรูปและคนที่กำลังสักการะ พร้อมข้อความ “ดับทุกข์ ดับโศก ดับโรค ดับภัย ด้วยใจหนักแน่น มีจิตและศีลสังวร สมาธิแนบแน่น สงบ และเจริญปัญญา ความสุขมีแน่ ค่อยเป็นค่อยไป” ส่วนด้านข้างมีข้อความ “ส.ค.ส. ส่ง ความสุข ด้วยใจรัก หวังดีต่อกัน คิดดีๆ สุขใจจริงๆ” พร้อมภาพเทวดา มีดาว และโทรศัพท์ ที่ด้านล่างมีข้อความ “ส่งความสุข เพิ่มพูนสติ สร้างปัญญา มุ่งเดินหน้า ด้วยคิดดี เมตตา และรอบคอบ เพื่อความสุขที่ถาวร คิดฝันเพียงพอเพียง” พร้อมกับทรงลงพระปรมาภิไธย วันที่ 1 ม.ค. 2560 และล่างสุด มีคำว่า “Merry Christmas & Happy New Year 2017” พร้อมด้วยเทียน และกล่องของขวัญ

บัตรอวยพรแบบที่ 2 ด้านบนเป็นภาพซานตาคลอสนั่งบนรถลากเลื่อน พร้อมกล่องของขวัญ และมีกวางเรนเดียร์จูงรถลากเลื่อน และคำว่า “Ho Ho Ho” ถัดมาเป็นภาพตุ๊กตา และข้อความ “สุขใจสุขกายจิตใจผ่องใส พอใจอย่างพอเพียง สัมมาทิฐิ สมาธิ ปัญญา ด้วยชีวิต เรียบง่าย เดินหน้า อย่างปลอดภัยและมั่นคง” จากนั้นเป็นภาพผู้ชายถือไฟฉายและเทียน พร้อมด้วยข้อความ “แสงไฟแห่งปัญญา พร้อมสติ ก้าวไปอย่างปลอดภัย สุข แท้จริง ไม่เสียใจ ขุ่นมัว” ถัดลงมาเป็นภาพบ้าน ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตาหิมะ และคนที่กำลังใส่หูฟัง และมีพระปรมาภิไธยกำกับอยู่ด้านล่าง พร้อมลงวันที่ 1 ม.ค. 2560

บัตรอวยพรแบบที่ 3 ด้านบนเป็นภาพเมฆและเครื่องบิน ที่ลากจูงป้ายที่มีข้อความ “Season”s Greeting & best wishes for a Merry Christmas & a Happy New Year” ถัดลงมาเป็นภาพหัวใจ บ้าน ต้นคริสต์มาส ครอบครัวพ่อแม่และลูกชาย ลูกสาว พร้อมด้วยสุนัข และกล่องของขวัญ และด้านล่างมีข้อความ “ส่งความสุขความสดใส ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ให้ทุกๆ คน อันความสุขอันพอเพียง เรียบง่าย นุ่มนวลจะช่วยประคองจิตใจ และครอบครัวให้เสถียรมั่นคงตลอดไป ทุกอย่างเป็นไปอย่างพอเพียง และพอเหมาะพอควร” และมีพระปรมาภิไธย ลงวันที่ 1 มกราคม 2560 อยู่ด้านข้าง

ส่วนบัตรอวยพรแบบที่ 4 ด้านบนขวาเป็นภาพเมฆ ดวงดาว และพระจันทร์ ที่ด้านซ้ายเป็นภาพบ้านและรถกำลังใส่หูฟัง ที่ด้านขวาเป็นข้อความ “อบอุ่นใจ สบายใจในความรัก และพึงพอใจในความสุขอันพอเพียงภายในครอบครัว ด้วยความมั่นใจ และซื่อสัตย์ต่อกัน ครอบครัวสุขสันต์ในกรอบขอบเขตอันควร ในธรรมะที่แยบยล ขอมอบพลังกาย พลังใจ และพลังปัญญาด้วยสติและความปรารถนาดี มาอย่างจริงใจให้ทุกท่านเอย” พร้อมทรงลงพระปรมาภิไธย และกำกับวันที่ 1 ม.ค. 60 ส่วนด้านล่างเป็นภาพครอบครัวนั่งอยู่หน้าเตาผิง มีสุนัข ตุ๊กตา และกล่องของขวัญ และข้อความ “Happy Together”

ผู้สนใจสามารถร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลได้ ทั้งชุด 4 ภาพในราคา 90 บาท โดยจะวางจำหน่ายที่ร้านโกลเด้น เพลซ, ร้านค้าสวัสดิการข้าราชบริพารในพระองค์ 904 และร้านจักรยานสุขสำราญ ถนนสุโขทัย รวมถึงร้านนายอินทร์ ส่วนต่างจังหวัดมีจำหน่ายที่ร้านนายอินทร์ ในวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน