‘ขอแก่แบบมีคุณภาพ’ : คุยกับ ‘ป้าพิม’ บาริสต้าวัย 70 สุดห้าว หนีจากบ้านมาขายกาแฟ

เคยกินกาแฟแล้วได้กลิ่นมะละกอ หรือได้กลิ่นดอกไม้จางๆ หรือกินกาแฟดำแล้ว Spice ที่ปลายลิ้น เหมือนเรากินสมุนไพร นี่คือสิ่งที่เขาทำออกมา เป็นกลิ่นจากดินที่ปลูก

บางคนมากินกาแฟร้านป้า ซึ่งมันอาจจะดูไม่ประนีประนอมกับคนเมืองนะ ที่จะบอกว่า ร้านนี้ไม่มีไซรัป หรือน้ำตาล ร้านนี้ขายแต่กาแฟอย่างเดียว

กาแฟร้านนี้คั่วเอง บดเอง ขายเอง

ลูกค้าบางคนก็น่าจะมีอาการเหวอๆ บ้าง ถ้าไม่รู้จักป้าจริงๆ แต่คนเราชอบเสพความเจ็บปวดอ่ะครับ…

นี่คือบทสนทนาหน้าร้านกาแฟขนาดเล็ก ที่ชื่อว่า Mobidrip x Mother Roaster ระหว่างเรากับลูกค้าประจำของ ‘ป้าพิม’ ที่ใช้เวลา ช่วงพักเที่ยงของการทำงานนั่งจิบสุนทรียะ พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้กับ ‘บาริสต้าวัยเก๋า’ ที่ตั้งหน้าตั้งตา ‘กด’ กาแฟ เค้นรสชาติจากเมล็ดกลั่นเป็นเครื่องดื่มรสเยี่ยมให้คนดื่ม

ตัวร้านกว้างประมาณ 3 คนยืนเรียงหน้ากระดาน ตกแต่งด้วยไม้สีอ่อนอย่างเรียบๆ มีเคาท์เตอร์ไว้ทำกาแฟ และเสิร์ฟให้ลูกค้า โดยมีเจ้าของร้านยืนอยู่ภายในบล็อกที่ดำเนินกิจการเอง ตั้งอยู่ริมถนนมหาพฤฒาราม ที่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพงมาประมาณ 200 เมตร

ถัดไปทางขวาก็ตกแต่งด้วยศิลปะแนวสตรีท ให้อารมณ์ดิบๆ เคล้ากับรสเข้มของกาแฟ

เมื่อได้จังหวะดี จึงหันไปคุยกับป้าพิม ที่ส่งกาแฟแก้วล่าสุดให้ลูกค้าที่รออยู่หน้าร้าน ด้วยบุคลิก การพูด และลักษณะภายนอกของป้า ดูไม่ออกเลยว่าอายุกว่า 70 ปีแล้ว ทั้งศัพท์แสงของวัยรุ่น ภาษาอังกฤษ และสไตล์การพูดที่คล่องแคล่ว

สไตล์การพูดที่เป็นเอกลักษณ์

“บอกได้เลยว่าป้าประมาณนี้นะ!! ป้าไม่ได้พูดจาไม่ดี ไม่ได้หงุดหงิดใส่ลูกค้า” นี่คือคำพูดช่วงแรกที่ป้าหันมาพูดกับเรา เพื่อไม่ให้ตกใจกับวิธีการพูดของตัวเอง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหวอขนาดนั้น

ป้ารู้ว่าน้ำขุ่นควรเอาไว้ข้างใน น้ำใสควรเอาไว้ข้างนอก เมื่อเราทำมาหากิน ควรเอาใจเขามาใส่ใจเราเยอะๆ บางทีเขาถามเรา บางคำถามเราไม่อยากตอบเลย แต่เราก็ต้องตอบ เพราะการทำร้ายจิตใจคนอื่นมันก็เป็นเรื่องที่เลวร้ายนะสำหรับป้า

ระหว่างที่ทำกาแฟให้ลูกค้า ป้าก็ยังหันมาพูดคุย และให้ข้อคิดการใช้ชีวิตกับเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไร้การปรุงแต่ง

ด้วยลักษณะร้านที่เล็กมาก และเป็นเคาท์เตอร์แบบเปิด เส้นกั้นการสื่อสารจึงเป็นไปอย่างสะดวก ถาม-ตอบกันง่าย เพราะพนักงานทั้งร้านมีแค่ ‘ป้า’ คนเดียว บดเอง กดเอง ชงเอง และเก็บเงินเอง (กาแฟที่ร้านทั้งหมดก็คั่วเองนะ) เพราะ ลูกชายจะเข้ามาช่วยในช่วงบ่ายจนปิดร้านในช่วงเย็น แต่ครั้งนี้อาจจะพิเศษที่มีคนมาช่วยชั่งตวง และบดกาแฟ

“กาแฟทั่วไปเวลาสุก จะเป็นสีแดง แต่พันธุ์ที่ชื่อว่า Yellow Bourbon เวลาสุกจะเป็นสีเหลือง ที่ร้านจะนำเข้ามาจากบราซิล” ประเด็นที่คุยกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นการให้ความรู้เรื่องกาแฟกับลูกค้าที่สนใจ เพราะที่ร้านของป้าพิม มีกาแฟหลากหลายประเภท ทั้งแบบนำเข้า และปลูกในไทย อาทิ Ethiopia Sidamo, Kenya Nyeri, Rwanda Kabaya, Tanzania Kilimanjaro, Honduras Alpina, Brazil Yellow bourbon, Costa Rica, Colombia, Yunnan, Panama Finca Hartman, Bolivia La Llama, Panama Gesha, Nicaragua, El Salvador, Papua New Guinea, Indonesia Blue Java, India Thalanar, Guatemala

“เวลาเราหลงใหลอะไรบางอย่าง เราจะสามารถทำมันได้ทุกวัน รู้จักไหมคำว่า ‘Passion’ อ่ะ”

ด้วยอายุ และประสบการณ์ที่เห็นโลกมาเยอะ เราจึงถามถึงธุรกิจร้านกาแฟที่ผุดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

การเปิดร้านกาแฟที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มันคือปรากฏการณ์ของ ‘ความฝัน’ ที่จะมีร้านกาแฟของคนรุ่นใหม่ อยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง อยากมีเวลานั่งชิลๆ จิบกาแฟอ่านหนังสือไปด้วย ป้าอยากถามว่าของจริงมันใช่ไหม ทุกวันนี้เปิดวันละ 5 ร้าน ปิดวันละ 10 ร้านนะคะ นี่คือสถิติการเปิดร้านกาแฟของคนไทย เพราะมันมีตัวแปรที่สำคัญมากเลยก็คือ ถ้าคุณเปิดด้วยความฝัน คุณก็จะซื้อเครื่องทำกาแฟแพงๆ โดยที่ไม่มีความรู้เรื่องกาแฟ ทั้งยังแต่งร้านให้สวย และหรูหรา เพื่อให้คนไปถ่ายรูปลงโซเชียล เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง

“แต่เขาไม่ได้คิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของกาแฟ คือ ‘รสชาติ’ กลับทำในสิ่งที่สวนทางกัน คุณต้องรู้เรื่องกาแฟจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าคุณทำการค้าไม่เป็น หรือว่าประเมินไม่ได้ว่า ค่าใช้จ่ายต่อแก้วของคุณตกที่เท่าไหร่ แล้วราคาควรขายเท่าไหร่ หรือกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นใคร เมื่อนั้นทุกอย่างจะน็อคเอาท์ นี่คือผลที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน”

คั่วเอง บดเอง ถ้าปลูกเองได้ก็ทำไปแล้ว

สิ่งนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันว่า การเปิดร้านครั้งนี้ มาจากหัวใจที่รักในกาแฟล้วนๆ

เหตุผลที่มาเปิดร้านกาแฟคือ ‘อยากออกนอกบ้าน’ แค่นั้น สั้นๆ ง่ายๆ คือ เราทำกาแฟกินที่บ้านทุกวันอยู่แล้ว แต่เพียงเปลี่ยนที่ทำกาแฟ จากในบ้านมาเป็นนอกบ้าน แล้วก็ได้เงินด้วย ได้ออกมาข้างนอกด้วย ได้ทำอะไรที่มันชอบทำด้วย ได้คุยกับคนด้วย อยากโม้อะไรให้เขาฟังก็ทำได้ คนที่มาก็เป็นเหยื่อมาฟังป้าโม้ได้ทุกวัน ‘แค่นั้นเอง’ แทนที่จะไปเที่ยวเสียตังค์

เวลากินกาแฟที่บ้านก็จะเป็นไปตามอารมณ์ วันนี้อยากดริป ก็จะดริป วันนี้อยากกินกด ก็จะกด หากนึกขี้เกียจขึ้นมาก็กดเครื่องทำเอสเปรสโซ่ มีทุกแนวที่บ้าน ไซฟอน (Syphon) และ แอโรเพลส (Aeropress)

ป้าไม่ได้คิดว่าเข้ามาอยู่ในวงการกาแฟนะ เพราะการที่เรากินกาแฟทุกวันไม่ใช่การพาตัวเข้าหาวงการกาแฟ แต่มันเป็นความชอบ และ Hobby ของเรา ที่เราอยากรู้ เราก็จะไปเปิดดูว่าคนอื่นเขาทำยังไง แล้วก็นำมาปรับใช้กับตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้ไปเรียนเพิ่มเติมเลย

No Sugar !!

ต่อด้วยประโยคที่ป้ามักจะพูดกับลูกค้าหน้าใหม่ว่า

“ร้านนี้ไม่มีเมนูแนะนำค่ะ และร้านนี้ไม่ใช้น้ำตาล ที่บอกกันว่า หวานเนี่ย ไม่ใช่ว่าตัวป้าหวานนะ แต่หมายถึงว่าชีวิตป้าหวานพอแล้ว เลยไม่ต้องเติมน้ำตาล” ได้ฟังแล้วก็นั่งหัวเราะครืน กับความคมคาย และเจ้าสำบัดสำนวนของป้า

“ถ้าใครจะสั่งหวานน้อย หวานมาก ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่หวานน้อย ไม่หวานมาก เพราะมันไม่มีให้ใส่ มาถามหาไซรัปก็ไม่ให้ค่ะ”

แม้ถ้อยคำของคนทำกาแฟจะดู ‘ห้าว’ แต่หากถึงเวลาต้องแนะนำเมนูให้ลูกค้า ก็สามารถแนะนำเมล็ดพันธุ์กาแฟชนิดต่างๆ ไล่เรียงรสชาติได้อย่างไม่รู้เบื่อ ต่อให้พูดซ้ำๆ อีกกี่รอบ ก็คิดว่าพร้อมจะทำแบบนี้เรื่อยๆ เพื่อให้คนดื่มได้รู้จักกาแฟดียิ่งขึ้น

“เราไม่ได้คิดว่าเราทำการค้า หรือทำธุรกิจ เราคิดว่าเราทำความสุขให้ตัวเอง พูดง่ายๆ เลยคือ เปิดร้านเพื่อสนองตัณหา และความอยากของตัวเอง”

แต่ตรงนั้นมันมีอะไรแฝงอยู่ ถามว่าทุกคนอยากมีความสุขไหม ทุกคนก็คงอยากมีความสุข แต่ความสุขของแต่ละคนคืออะไร ค้นหาตัวเองให้เจอก่อนว่าความสุขของคุณคืออะไร แล้ววิ่งไปหามัน แล้วลงมือทำมัน ป้าถึงบอกว่า ความฝันของคนมันมีเยอะแยะมากมาย ฝันกันทุกวัน วันละ 4-5 ฝัน แล้วเคยลองหยิบมาสักฝันหนึ่งไหม ลองทำมัน ถ้าทำไม่ได้ก็ทิ้งมันไป แล้วก็หาฝันอื่นใหม่ต่อไปทำ…

“ไม่ต้องกลัวที่จะล้ม ไม่มีใครออกมาจากท้องแม่แล้ววิ่งได้ วิ่งครั้งแรกก็ล้ม ขี่จักรยานครั้งแรกก็ล้ม แล้วเราจะกลัวอะไรกับการต้องล้มล่ะ คือ ถ้าเราไม่กลัวที่จะผิดหวังเราย่อมมีความหวังค่ะ แล้วถ้าเราไม่เคยผิดหวัง เราก็ไม่รู้ว่าความสมหวังเป็นยังไง”

ถ้าเราไม่มี Service Mind เราก็เปิดร้านกาแฟไม่ได้ เพราะเราก็จะเอาแต่ใจตัวเอง แต่ด้วยความที่เราเป็นคนมีสิ่งนี้ เราก็เปิดร้านกาแฟอย่างที่เราอยากเปิด ร้านเล็กร้านใหญ่ไม่เกี่ยว

อีกเรื่องที่ป้าเน้นย้ำกับเราคือ การเป็นคนแก่อย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่มีอายุเยอะแล้วนั่งๆ นอนๆ หายใจทิ้งไปเปล่าๆ เราสามารถทำอะไรให้เกิดผลมากมาย ซึ่งสิ่งนี้ก็ต้องมีการเตรียมตัว ว่าแก่ตัวไปแล้วจะทำอะไรต่อไป ได้คิดหรือทำ ไม่ให้สมองฝ่อไปเฉยๆ

ไม่คิดเลยว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้นั่งจิบกาแฟ ภายในร้านที่อบอวลด้วยจิตใจของคนที่รักในกาแฟจริงๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวชีวิต และความรู้เรื่องกาแฟแบบนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน