ตำรวจไทยบุกช่วยนักธุรกิจญี่ปุ่นถูกอดีตลูกน้องชาวญี่ปุ่น 3 คนอุ้มจากย่านแจ้งวัฒนะ มากักขังที่อพาร์ตเมนต์ซอยทองหล่อ บังคับให้โอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย เมียชาวไทยเข้าร้องทุกข์กับตำรวจบช.น.และตำรวจท่องเที่ยว ออกหาข่าวจนพบเบาะแส ล็อกตัวหนึ่งในคนร้ายที่ออกมาหาซื้อข้าวของ ก่อนเข้าไปช่วยเหลือ พบสภาพถูกทรมานอย่างหนัก และเจอทั้งเลื่อย ถุงพลาสติกดำ ผ้ายาง คาดเตรียมไว้หั่นทำลายศพ คนร้ายสารภาพเป็นลูกน้องเก่า แค้นที่เหยื่อแจ้งความคดียักยอกทรัพย์ที่ญี่ปุ่นรวมทั้งเรียกค่าเสียหายอีก เลยวางแผนจัดการ
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่สน.ทองหล่อ ตำรวจเบิกตัวนายมาซาโตะ โคบาริ, นาย เรโอ ชูรุโซเอะ และนายคิโยโตะ มิยาดะ ชาวญี่ปุ่น ผู้ต้องหาคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวและกรรโชกทรัพย์นายวาตานาเบ้ ซินามิ นักธุรกิจบริษัท เครื่องมือการแพทย์ โดยลักพาเหยื่อมากักขังไว้ที่พักเลขที่ 719 ชั้น 7 อพาร์ตเมนต์แกรนด์ ไฮ เทค ทาวเวอร์ภายในซอยเอกมัย 23 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าไปช่วยเหลือออกมาได้เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภรรยาชาวไทยของนายวาตานาเบ้ เข้าร้องทุกข์กับบช.น.และตำรวจท่องเที่ยว ว่าสามีหายตัวไปจากย่านแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. ต่อมาได้รับการติดต่อจากคนร้ายว่าห้ามแจ้งความและตามหาตัว จึงรู้ว่าถูกลักพาตัวไปแล้ว ต่อมาพล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รองผบช.น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ท่องเที่ยว สนธิกำลังกันสืบหาเบาะแสกระทั่งพบว่ามีการโยกย้ายเงินออกจากบริษัทไปจำนวนมากจึงออกตามหาเบาะแส กระทั่งพบความเคลื่อนไหวผิดปกติในห้องพักอพาร์ตเมนต์แกรนด์ ไฮ เทค ทาวเวอร์ จึงส่งสายสืบมา ซุ่มดู
กระทั่งพบคนร้ายรายหนึ่งออกจากห้องขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน 5 กฆ 2491 กรุงเทพฯ ออกมาซื้อของบริเวณซอยสุขุมวิท 26 เจ้าหน้าที่จึงได้สะกดรอยติดตามและชาร์จจับกุมไว้ได้ ก่อนเค้นสอบจนคนร้ายสารภาพว่าขังนายวาตานาเบ้ อยู่ในห้องพักดังกล่าว จึงประสานกำลังตำรวจ 191 ตำรวจท่องเที่ยว และสน.ทองหล่อ บุกเข้าไปในห้องพักพบคนร้ายทั้ง 3 ราย และนายวาตานาเบ้ ถูกมัดด้วยสายไฟอยู่บนเตียง สภาพถูกทรมานโดนตีด้วยไม้เบสบอลที่ขาซ้ายเป็นบาดแผล ขาขวาหัก และลำตัวช้ำ จึงส่งตัวไปรักษาตัวที่ร.พ.บำรุงราษฎร์อาการสาหัส
พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าวว่าหากเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือช้าไปวันสองวันนายวาตานาเบ้ อาจจะเสียชีวิตแน่นอน เนื่องจากภายในห้องพักเจ้าหน้าที่ยังพบอุปกรณ์ทำลายชีวิต เช่น เลื่อยและถุงพลาสติกดำ ผ้ายางรองเตรียมพร้อมอำพรางศพ ส่วนจะมีผู้ต้องหามากกว่า 3 คนหรือไม่นั้น ต้องสอบสวน อีกครั้ง เบื้องต้นจะควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดส่งสน.ทองหล่อ ดำเนินคดีแจ้งข้อหาตามกฎหมายไทยต่อไป
ด้านตำรวจที่สอบปากคำ 3 ผู้ต้องหา ทราบว่าทั้งหมดเคยทำงานเป็นลูกน้องนายวาตานาเบ้ แต่ต่อมาร่วมกันยักยอกทรัพย์บริษัทไปจำนวนมาก จึงถูกไล่ออกและแจ้งตำรวจดำเนินคดีรวมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก 15 ล้านเยน ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ ผู้ต้องหาเกิดความโกรธแค้น จึงวางแผนจับตัวผู้เสียหายมากรรโชกทรัพย์ รวมทั้งต่อรองเรื่องคดีความด้วย
ต่อมาพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมนายตำรวจระดับสูง ร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ก่อนแถลงข่าวโดยนำของกลางที่ยึดได้ประกอบด้วยธนบัตรไทยและญี่ปุ่น เชือก ไม้เบสบอล และอาวุธปืนลูกโม่เทียม มาแสดง โดยไม่นำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนออกมาแถลงข่าว
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่านายเรโอ เป็นหัวหน้าแก๊งที่ก่อเหตุ อ้างว่าสาเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องปัญหาการรับจ้างที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีก่อน ทางผู้เสียหายเคยแจ้งความกับตำรวจ และไม่ยอมเลิกรา คนร้ายจึงวางแผนล่อให้ผู้เสียหายออกมาเจอกันที่ย่านแจ้งวัฒนะ ก่อนอุ้มไปกักขัง เพื่อสั่งสอนไม่ให้มายุ่งรังควานอีก ส่วนเลื่อยที่พบในห้อง กลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า ต้องการมาเลื่อยไม้เพื่อดามขาผู้เสียหายที่หักเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้ตายแค่สั่งสอน ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ
รายงานข่าวแจ้งว่านายเรโอ เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือนเม.ย. ในฐานะนักท่องเที่ยวและเคยต่อวีซ่า 1 ครั้งสิ้นสุดเดือนมิ.ย.นี้ เช่นเดียวกับนายมาซาโตะที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเช่นกัน ส่วนนายคิโยโตะ มีวีซ่าทำงานในประเทศไทย เป็นคนขับรถให้กับบริษัท แห่งหนึ่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า นายเรโอ ได้ว่าจ้างนายคิโยโตะมาขับรถในราคา 60,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ตำรวจพบว่าข้อนิ้วก้อยข้างซ้ายของนายมาซาโตะหายไป และมีรอยสัก คล้ายสมาชิกยากูซ่า แต่ชื่อไม่พบในสารบบคนร้ายของตำรวจญี่ปุ่น คาดว่าจะเป็นสมาชิกปลายแถว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำให้สูญเสียอิสรภาพ ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ทางนายเรโอ ปฏิเสธเซ็นชื่อในชั้นจับกุมขอให้การในชั้นสอบสวน ส่วนนายคิโยโตะให้การปฏิเสธทุกข้อหา ส่วนนายมาซาโตะ ขอปฏิเสธข้อหาปล้นทรัพย์แต่รับสารภาพในข้อหาที่เหลือ
