วิวาห์ล่ม! เจ้าสาวแจ้งจับเจ้าบ่าวสินสอดไม่ครบ-ยกขันหมากหนีกลางงานแต่ง จนอับอายขายหน้าแขกที่แจกการ์ดเชิญมานับร้อย เผยคบหาดูใจจนตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ญาติฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเงิน 1 แสน ทอง 1 บาท ญาติฝ่ายชายตกลงจัดขบวนแห่ขันหมากมาสู่ขอ แต่ถึงวันแต่งเจ้าบ่าวขอจ่ายครึ่งเดียวจนวงแตก ก่อนพากันขึ้นรถกลับไปดื้อๆ เจ้าสาวเสียใจปล่อยโฮเป็นลมล้มพับ ก่อนญาติพาขึ้นโรงพักแจ้งความให้ชดใช้ค่าจัดงาน จ้างโต๊ะจีนมาเลี้ยงฉลองในงานวิวาห์

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 มิ.ย. ที่สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา นางทองไหว (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี บ้านอยู่ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมญาติพี่น้องพา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี บ้านอยู่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลานสาวซึ่งมีอาการซึมเศร้าร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เด่นชัย ชำนาญในเมือง รองผกก.(สอบสวน) สภ.พิมาย เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอดิเรก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ชาวจ.พิจิตร แฟนหนุ่มของน.ส.เอ หลังจากนายอดิเรกพร้อมญาติพี่น้องหอบเงินสินสอดหนีไปขณะจัดงานแต่งงานกับน.ส.เอ ที่บ้านพักท่ามกลางแขกเหรื่อจำนวนมาก เนื่องจากตกลงเรื่องเงินค่าสินสอดกันไม่ได้

นางทองไหวเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า หลานสาวทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ และคบหาดูใจกับนายอดิเรกเจ้าบ่าวมาได้สักระยะหนึ่งจนทั้งคู่ตั้งใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน จากนั้นนายอดิเรกได้พาผู้ใหญ่มาสู่ขอตามประเพณี โดยผู้ใหญ่ฝ่ายหลานสาวได้เรียกสินสอดทองหมั้นเป็นเงินสด 1 แสนบาทกับทองคำหนัก 1 บาท ซึ่งวันนั้นฝั่งผู้ใหญ่ของนายอดิเรกกับตัวนายอดิเรกไม่ขัดข้อง จึงนัดกำหนดจัดงานแต่งงานกันขึ้นในวันนี้คือวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.2560 ที่บ้านพักของฝ่ายหญิงในอ.พิมาย จ.นครราชสีมา โดยฝ่ายเจ้าสาวได้แจกการ์ดเชิญแขกประมาณ 100 ใบ และจ้างโต๊ะจีนกว่า 50 โต๊ะ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนจัดงานเป็นเงินนับแสนบาท

นางทองไหวกล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวพร้อมญาติประมาณ 20 คนเดินทางมาด้วยรถตู้ รถเก๋ง และรถกระบะรวม 5 คัน มาถึงบ้านเจ้าสาว พอได้เวลาตามฤกษ์ก็มีการแห่ขบวนขันหมากตามประเพณี มีการกั้นประตูเงิน ประตูทอง จนถึงขั้นตอนการนับเงินสินสอดปรากฏว่าในขันหมากมีเงินสด 5 หมื่นบาทกับทองคำหนัก 1 บาท ซึ่งไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้ว่าเงินสินสอด 1 แสนบาท กับทองคำหนัก 1 บาท ซึ่งฝ่ายเจ้าสาวก็ไม่ได้มีปัญหาบอกว่าถ้าเงินไม่พอก็ให้นำมาเพิ่มให้ทีหลังไม่ได้ว่าอะไร

“แต่ปรากฏว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวยืนยันว่าจะให้สินสอดแค่ 5 หมื่นกับทองหนัก 1 บาทจะไม่มีการเพิ่มให้อีก ทำให้ฝ่ายเจ้าสาวไม่พอใจว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ จากนั้นฝ่าย เจ้าบ่าวพากันลุกออกจากงานไปพูดคุยกันหน้าบ้านแล้วก็เดินขึ้นรถขับออกจากงานแต่งงานไปพร้อมเงินสินสอดทองหมั้นทั้งหมด ทำให้หลานสาวถึงกับเป็นลมล้มพับจนญาติๆ ต้องช่วยกันปฐมพยาบาลพอฟื้นขึ้นมาจึงรีบพามาแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้ช่วยติดตามตัว เจ้าบ่าวให้มารับผิดชอบกับการกระทำที่ทำให้ครอบครัวฝ่ายหญิงต้องเสียหายและอับอายแขกที่มาร่วมงานจำนวนมาก รวมทั้งให้มารับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายเจ้าสาวเสียไปด้วย” นางทองไหวระบุ

ขณะที่ พ.ต.ท.เด่นชัย เปิดเผยว่า ตำรวจจะเรียกฝ่ายเจ้าบ่าวมาพูดคุยตกลงกันกับฝ่าย เจ้าสาว ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการจัดงานแต่งงาน โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้นเจ้าสาวต้องการให้เจ้าบ่าวมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ส่วนเงินสินสอดนั้นทาง เจ้าสาวและญาติๆไม่ติดใจอะไรและได้แจ้งล้มเลิกงานแต่งงานให้ฝ่ายเจ้าบ่าวทราบไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่ญาติของน.ส.เอ นั่งให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์ติดต่อไปพูดคุยกับเจ้าบ่าวและขอร้องให้กลับมาเจรจากันที่สภ.พิมาย แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ยอมจนมีการโต้เถียงกันทางโทรศัพท์ ก่อนที่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะปิดโทรศัพท์ไป

ต่อมาเวลา 20.45 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากญาติของฝ่ายเจ้าสาว ว่าสามารถติดต่อญาติของเจ้าบ่าวได้แล้ว และได้มีการ พูดคุยกันเรื่องให้เจ้าบ่าวมารับผิดชอบค่า ใช้จ่ายในการเตรียมงานแต่งงานของฝ่าย เจ้าสาวทั้งหมด โดยไม่ติดใจเรื่องค่าสินสอดแต่อย่างใด แต่ได้รับคำตอบจากญาติเจ้าบ่าวว่าถ้าจะเรียกร้องค่าเสียหายก็ให้ไปฟ้องร้องเอาเองและเจ้าบ่าวจะไม่กลับไปจัดงานแต่งงานกับเจ้าสาวคนนี้อีกอย่างเด็ดขาด

ด้านพ.ต.ท.เด่นชัย เจ้าของคดีเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้รับการติดต่อจากทั้งฝ่ายเจ้าสาวและฝ่ายเจ้าบ่าว ว่าสามารถตกลงกันได้อย่างไรหรือไม่ ทั้งนี้คดีดังกล่าวตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วและถือเป็นคดีแพ่งทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงยอมความกันได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน