เมื่อวันที่ 24 ก.ค. โลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์เฟซบุ๊คของคุณ อลิสตรา อะกาลิโก คุณครูสาวชาวพังงา ที่ได้โพสต์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม วิงวอนให้ชาวเน็ตช่วยเหลือ ด.ญ.กีรติญาภา หร้อน้องกิมเตี๋ยม จันทร์หอม วัย 8 ขวบ ซึ่งป่วยหนักโรคประหลาด พ่อต้องลาออกจากงานมาดูแลลูก ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่ารักษา

โดยระบุว่า สวัสดีค่ะ เพื่อนชาวเฟสทุกคน รบกวนช่วยกันแชร์ต่อด้วยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นครูประจำชั้น เด็กนักเรียน ป.2 ที่ตอนแรก เราคิดว่า เค้าเป็นเนื้องอก แต่พอเมื่อวันพุธที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา เค้ามาบอกเราว่า ครูขา พรุ่งนี้ลูกขอหยุดโรงเรียนไปหาหมอนะคะ แล้วตอนเย็น พ่อเค้ามาคุยกับเราค่ะ ขอหยุด 3-4 เดือน เพราะน้องเป็นมะเร็งค่ะ ตอนนี้กินไปถึงกระดูกเชิงกรานแล้ว

พ่อของน้องเค้าเอารูปมาให้ดู เราน้ำตาไหลเลยค่ะ ส่วนที่พีคไปกว่านั้นคือ พ่อน้องต้องขายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งลาออกจากงาน (ผู้จัดการบอกให้เลือกจะเอาลูกหรือจะเอางาน) เค้าออกโดยไม่ลังเล (เป็น chief manager ของโรงแรมแห่งหนึ่ง) พาน้องเดินทางไปรักษาตัวเรื่อยมา (เดินทางขึ้นลงกรุงเทพบ่อยมาก) จนหมดตัว ต้องไปกู้หนี้นอกระบบมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พาน้องไปรักษา ด้วยความเมตตาของ มูลนิธิ พอ.สว. รับน้องไปรักษาฟรีค่ะ

เป็นเคสที่พบได้ประมาณว่า 1 ในล้าน (พ่อเค้าบอกว่า อาจารย์หมอว่างั้น) เรื่องเหมือนจะจบแบบ แฮปปี้เอนดิ้ง แต่ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น แพมเพิส อุปกรณ์ทำแผล ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ที่พัก ค่าใช่จ่ายระหว่างน้องพักรักษาตัว มันกัดกร่อนคุณพ่อร้ายแรง พอๆกับ เชื้อมะเร็งที่กัดกินน้องอยู่ทุกวัน

ตอนนี้ น้องรักษาตัวที่ รพ. ศิริราช ชื่อ ด.ญ. กีรติญาภา จันทร์หอม น้องเป็นเด็กดี มีจิตอาสา ร่าเริงแจ่มใสและอดทนมากๆ มาโรงเรียนทุกวันทั้งๆ ที่เจ็บขนาดนี้ น้องเค้ากำลังใจดีมาก พวกเราเหล่าคุณครูของน้องช่วยกันออกค่าเดินทางไปรักษาไปบ้างตามกำลังทรัพย์ แต่การขึ้นลง กรุงเทพ-พังงา หลายครั้ง ก็มีค่าใช้จ่ายต่างๆหลายบาท เพราะฉะนั้น ใครมีความประสงค์จะช่วยเหลือน้องโปรดติดต่อพ่อของน้องโดยตรง เพียง 1 แชร์ อาจจะต่อลมหายใจให้น้องได้

เลขที่บัญชีนะคะ ธนาคารไทยพาณิชย์ 8172591668 นายฐิตินันท์ จันทร์หอม ข้อมูลสามารถตรวจสอบได้ค่ะ #ขอบคุณค่ะ #ขออภัยที่แท็กเพื่อนๆนะคะ

นอกจากนี้คุณครูอีฟยังโพสต์อีกว่า เมื่อมีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในเชิงลึก จึงได้ทราบว่า น้องได้รับยา “ไบโอไมซิน” ซึ่งเป็นยาตัวเดียวกับที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง แต่คุณหมอได้แจ้งให้คุณพ่อได้ทราบว่า น้องเป็นโรค …. (พ่อจำไม่ได้เพราะเป็นภาษาอังกฤษอังกฤษ) พ่อจึงมาแจ้งครูว่าเป็นมะเร็งตามความเข้าใจของพ่อค่ะ

หลังจากนั้นคุณครูจึงไปดูในเอกสารให้การยินยอมเพื่อเข้ารับการรักษาที่พ่อส่งมาให้ดูทางไลน์ และสืบค้นข้อมูลต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ต จึงทำให้ทราบว่า นี่คือโรค “Klippel Trenaunay Syndrome” ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของหลอดเลือดแดง หรือ ดำ หรือ ต่อมน้ำเหลือง ที่ทำงานผิดปกติ จึงทำให้ กล้ามเนื้อบิดเบี้ยว ผิดรูป หรือโต ซึ่งในกรณีของน้อง เป็นครบ ทั้ง 3 หลอดเลือดแดง. ดำ และต่อมน้ำเหลือง ซึ่งพบได้ยากมาก จึงทำให้อาการน้องเป็นมากกว่าคนที่เป็นโรคนี้โดยทั่วไป และโชคร้ายหน่อยที่น้องได้รับการรักษาไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากพ่อประสบปัญหาด้านทางเศรษฐกิจ จนทำให้เกิดการลุกลามไปจนถึงกระดูกเชิงกราน และโรคนี้ ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ( มะเร็งตัดทิ้ง รักษาตัวดีๆ อาจจะหายได้ค่ะ ) เพราะหลอดเลือดและต่อมน้ำเหลืองอยู่ในร่างกายเราค่ะ ถ้าเราตัดทิ้ง คงไม่ต้องอธิบายผลลัพธ์นะคะ
การรักษา ต้องรักษาตามอาการและตอนนี้ทางโรงพยาบาล รับน้องไว้ดูแล 3 เดือนค่ะ เพื่อให้น้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่วนคุณพ่อ ก็จะกลับมาสมัครงานและเมื่อได้รับเงินจำนวนหนึ่ง ก็จะปิดรับการช่วยเหลือเนื่องจากคุณพ่อ อธิบายว่า เมื่อน้องไปอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และพ่อไม่ต้องเดินทางขึ้นลง ก็จะขอทำงานเพื่อหารายได้เองต่อไปค่ะ ( แต่ตอนนี้ก็ยังตกงานอยู่ค่ะ)

สำหรับยอดเงินบริจาคทุกบาท คุณพ่อสัญญาว่าจะนำมาใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์กับน้องมากที่สุด หากเหลือก็จะเก็บไว้เพื่อพาน้องมารับการรักษาตามนัดในอนาคต (โรคนี้เป็นแล้ว จะเป็นไปตลอดไม่หายขาด จึงต้องรักษาเป็นระยะๆ และอย่าให้ติดเชื้อ)

ส่วนรูปของน้องที่เห็นบาดแผลที่ แชร์ออกไป อาจจะส่งผลกระทบกับน้องในอนาคต ซึ่งย่อมต้องมีทั้งด้านบวกและลบ ยังไงก็ขอความร่วมมือช่วยปิดหน้าน้อง ให้ด้วยนะคะ

ทุกอย่างครูทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและความจริงก็คือ น้องก็ยังรักษาตัวที่ รพ. ศิริราช หากข้อมูลของโรคที่น้องเป็นในครั้งแรกที่โพสต์ออกไปเพื่อขอรับการช่วยเหลือเบื้องต้น ทำให้หลายๆคน ไม่สบายใจ ครูขอรับความผิดนั้นไว้คนเดียวค่ะ แต่ถ้ายังสงสารน้องอยู่รบกวนบริจาคเป็นแพมเพิส ไรฟ์รีไซด์ M ผู้ใหญ่ ผ้าพันแผล และน้ำเกลือล้างแผล ก็จะเป็นการสร้างกุศลต่อไปค่ะ #แต่ตอนนี้ #ยังรับบริจาคอยู่นะคะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน