ปีติ “ในหลวง” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติ เขตพระราชฐานในพระองค์ฯ ราชวิถี ณ สนามกีฬาอเนก ประสงค์ วันนี้ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น โดยมีซุ้มกิจกรรมต่างๆ การจับสลากของขวัญพระราชทาน และซุ้มอาหาร สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทางถนนราชวิถี นอกจากนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพวีดิทัศน์ และพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ขณะทรงร่วมกิจกรรมต่างๆ ด้านกีฬา และกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนด้านการออกกำลังกาย และการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติด้วย

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพวีดิทัศน์ และพระรูป พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ขณะทรงร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา และกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นแบบอย่างแก่เยาวชน ด้านการออกกำลังกาย และการบำเพ็ญ ประโยชน์เพื่อส่วนรวม เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2561

สำหรับวีดิทัศน์มีความยาว 5.53 นาที ได้อัญเชิญบทเพลงยามเย็น บทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเพลงลาวจ้อย มาประกอบ โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงกราบสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา อาทิ ทรงม้า ทรงจักรยาน ทรงสกี เดินป่า ว่ายน้ำ โบว์ลิ่ง ขับรถ โกคาร์ต ปีนหน้าผาจำลอง และกิจกรรม จิตอาสาทั้งในประเทศไทยและที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี อาทิ เก็บใบไม้ ทาสี ตักหิมะ และสนทนาธรรม

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราโชวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561 ความว่า “บ้านเมืองเรามีสิ่งดีงามมากมายที่บรรพบุรุษ ได้สร้างสมไว้ให้เรา เด็กทุกคนผู้เป็นอนาคตของชาติจึงมีหน้าที่สืบสานและรักษาสิ่งดีงามเหล่านั้นไว้ พร้อมทั้งสร้างเสริมพัฒนาให้เจริญ งอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป” พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันที่ 24 ธันวาคม พุทธศักราช 2560

ขณะเดียวกัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัด “งานวันเด็กแห่งชาติ เขตพระราชฐานในพระองค์ฯ ราชวิถี ประจำปี 2561” ณ สนามกีฬาอเนกประสงค์ ในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2561 เวลา 08.00-16.00 น. โดยมี พล.อ.อ.เกษม อยู่สุข หัวหน้าสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธานในพิธี

ในการนี้ พล.อ.อ.เกษม มอบทุนการศึกษาพระราชทาน, สลากออมสิน และประกอบพิธีเปิด “งานวันเด็กแห่งชาติ เขตพระราชฐานในพระองค์ฯ ราชวิถี ประจำปี 2561” พร้อมกันนี้ ได้รับมอบของทูลเกล้าฯ ถวาย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ด้วย

สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วยซุ้มกิจกรรม อาทิ กิจกรรมสอยดาว, กิจกรรมนิทานในสวน เพนต์ผ้า เพนต์ขวดน้ำ, จำลองห้องอ่านข่าวพระราชสำนัก, รถราง, ตรวจสายตาประกอบแว่นและตัดแว่นให้เด็ก, การสาธิตและสอนวิธีการแต่งหน้าเค้กจากโรงเรียน จิตรลดา, สวนสนุก ประกอบด้วย ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ เรือถีบ ยิงปืน การแสดงปลาสวยงาม, เกมส์และการแสดงของสุนัขตำรวจ ม้าตำรวจ และการแสดงของไดโนเสาร์ที่มีความสูง 4 เมตร, แจกต้นกล้า กล้าเพื่อพ่อ 10,000 ต้น, การจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเยาวชนกับการอนุรักษ์พันธุ์พืช พร้อมเกมส์รางวัล การจับฉลากของขวัญพระราชทาน และ ซุ้มอาหาร ฯลฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมสามารถเข้าได้ทางด้านถนนราชวิถี พร้อมแต่งกายด้วยชุดสุภาพ

ที่บริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงจากห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า มาเยี่ยมชมบรรยากาศการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ พร้อมจับรางวัลให้บุตรหลานข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักเลขาธิการนายกฯ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สภาความมั่นคง แห่งชาติ จากกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 จากบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์จำนวน 230 คน ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้เข้ามาเที่ยวงานวันเด็กก่อนวันจริง เพื่อถ่ายภาพร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ระลึก และเยี่ยมชม ตึกไทยคู่ฟ้า ตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งในปีนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบจักรยานมาเป็นของขวัญจับสลากด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอให้ทุกคนนำคำขวัญ “รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี” ที่คิดและเขียนขึ้นมานำไปปฏิบัติ เพราะวันข้างหน้าจะอยู่ด้วยสิ่งเหล่านี้ จะอยู่แบบเดิมๆ ไม่ได้ ดังนั้นต้องปรับตัวเอง พ่อแม่ ต้องสอนให้ลูกมีหลักคิดที่ดี จะได้เป็นคนดีและคนเก่ง ในฐานะนายกรัฐมนตรีมุ่งหวัง จะให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า แต่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเราหรือพ่อแม่ และจะสร้างงานและอาชีพรอรับไว้ โดยการพัฒนาของเดิมและเริ่มของใหม่ ทั้งหมดนี้คืออนาคตของลูกหลานเรา ให้ทุกคนช่วยกันพัฒนาประเทศจะมากบ้างหรือน้อยบ้างก็เป็นประโยชน์กับประเทศ เพราะ แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรา จะต้องรักษาไว้ ฉะนั้นอยากให้ช่วยทำให้ แผ่นดินนี้ให้ปลอดภัย เพราะไม่มีใครจะช่วยใครได้นอกจากไทยทุกคนต้องช่วยกันเอง

“ต้องขอฝากอนาคตไว้กับลูกหลาน และขอให้ประสบความสำเร็จ เรียนหนังสือเก่งๆ มีสุขภาพแข็งแรง มีโอกาสดูแลพ่อแม่ในวันข้างหน้า ขอให้เด็กๆ รักพ่อแม่ รักครูให้มากๆ เพราะครูกับนักเรียนก็เกี่ยวข้องกัน เมื่อศิษย์ดีครูดี มีคุณธรรมกันทั้งสองฝ่ายก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ทุกอย่างจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับแรงศรัทธาของพวกท่านที่มีรัฐบาลและผม และผม มีแรงศรัทธาต่อประชาชน ประเทศไทยก็ไปได้ ทุกอย่างต้องใช้แรงกายแรงใจของทุกคนในการทำหน้าที่เพื่อลูกหลานในอนาคต” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกฯ ขึ้นรถไปพร้อมกับพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง นายกฯ ได้หยุดขบวนรถและลงมาถ่ายรูปกับ สแตนดี้ของนายกฯในท่าทางขี่รถมอเตอร์ไซค์ไว้เป็นที่ระลึกด้วย

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “เด็กไทยในยุคไทยแลนด์ 4.0” สำรวจระหว่างวันที่ 8-10 ม.ค. โดยสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับเด็กไทยในยุค ไทยแลนด์ 4.0 เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

ผลจากการสำรวจเมื่อถามถึงอาชีพในฝันที่เด็กและเยาวชนอยากเป็นในยุคไทยแลนด์ 4.0 (5 อันดับแรก) พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 20.62 ระบุว่าอาชีพส่วนตัว/อิสระ รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 11.34 ระบุอาชีพครู/อาจารย์ อันดับ 3 ร้อยละ 9.28 ระบุแพทย์/พยาบาล รับราชการทหาร และวิศวกร/สถาปนิก/ นักออกแบบดีไซน์ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 4 ร้อยละ 7.22 ระบุตำรวจและนักธุรกิจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และอันดับ 5 ร้อยละ 5.15 ระบุอาชีพรับราชการ (ไม่ระบุสาขา) และนักบัญชี/การเงิน/ธนาคาร/การตลาด ในสัดส่วนที่เท่ากัน

ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับอาชีพที่ผู้ปกครอง อยากให้บุตรหลานเป็นในยุคไทยแลนด์ 4.0 (5 อันดับแรก) พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 21.25 ระบุอาชีพรับราชการ (ไม่ระบุสาขา) รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 16.39 ระบุแพทย์/พยาบาล อันดับ 3 ร้อยละ 11.36 อาชีพ ส่วนตัว/อิสระ อันดับ 4 ร้อยละ 9.71 อาชีพครู/อาจารย์ และอันดับ 5 ร้อยละ 6.42 อาชีพรับราชการทหาร

สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับความแตกต่างของเด็กในยุคนี้ เมื่อเทียบกับเด็กในสมัยก่อน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.56 ระบุว่า เด็กในยุคนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับ มือถือหรือคอมพิวเตอร์ มากกว่าการออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านเหมือนเด็กสมัยก่อน รองลงมา ร้อยละ 42.03 ระบุว่า เด็กในยุคนี้ มีเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ในการใช้ชีวิตมากกว่าเด็กสมัยก่อน ร้อยละ 31.47 ระบุว่า เด็กในยุคนี้ขาดการอดทนหรือรอคอย เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรวดเร็วกว่าเด็กสมัยก่อน ร้อยละ 29.62 ระบุว่า เด็กในยุคนี้ขาดระเบียบวินัยมากกว่าเด็กสมัยก่อน ร้อยละ 23.30 ระบุว่า เด็กในยุคนี้เข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้รวมถึงสื่อต่างๆ ได้ง่าย กว่าเด็กสมัยก่อน ร้อยละ 17.05 ระบุว่า เด็กใน ยุคนี้มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นมากกว่าเด็กสมัยก่อน และร้อยละ 0.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ท้ายสุด เมื่อถามถึงคุณสมบัติที่ดีของเด็กไทยในยุค ไทยแลนด์ 4.0 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.64 ระบุว่า มีคุณธรรมจริยธรรม ช่วยเหลือสังคม ไม่เห็นแก่ตัว รองลงมา ร้อยละ 35.92 ระบุว่า มีระเบียบวินัย เคารพกฎระเบียบ ร้อยละ 31.04 ระบุว่า มีความ อดทน อดกลั้น ร้อยละ 26.16 ระบุว่า รู้จักการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ข้อมูลที่ได้รับ ร้อยละ 17.60 ระบุว่า มีทักษะในการใช้ภาษาต่างประเทศได้ดี ร้อยละ 17.36 ระบุว่า ไม่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับโลกอินเตอร์เน็ต ร้อยละ 14.64 ระบุว่า มีความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ ร้อยละ 13.52 ระบุว่า หมั่นศึกษา หาข้อมูลหรือนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการเรียน ร้อยละ 2.40 ระบุว่า อื่นๆ ได้แก่ มีความกตัญญูต่อบิดามารดา มีมารยาท อ่อนน้อมถ่อมตน รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และมีความพอเพียง ประหยัด อดออม และร้อยละ 2.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน