ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2018 คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เจ้าตั๊ก” สุมัญญา ปุริสาย กองกลาง “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เป็นนักเตะที่ฟอร์มอยู่ในโหมดจัดจ้าน ทั้งยิงทั้งจ่าย ไม่เป็นสองรองใคร และที่ผ่านมาได้รับการจับตามองจากคอบอลไทยว่าเขาผู้นี้ควรจะกลับมาติดทัพ “ช้างศึก” อีกซักหน

บิดเข็มนาฬิกาย้อนกลับไปสมัยรุ่นๆ สุมัญญา ถูกคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนรุ่นพี่อย่าง ดัสกร ทองเหลา แต่ทว่าในช่วงเวลาต่อมา สุมัญญา กลับกลายเป็นนักเตะจอมพเนจรคนหนึ่ง ที่มีฟอร์มการเล่นไม่คงเส้นคงวา และไม่ระเบิดเหมือนกับที่คาดการณ์ ทำให้ชื่อของ “สุมัญญา ปุริสาย” ค่อยๆจางไปจากสารระบบ

ช่วงที่อยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เคยถูกเรียกติดทีมชาติในยุคของ วินฟรีด เชเฟอร์ แต่ด้วยตอนนั้นเรายังเป็นวัยรุ่นที่มีอะไรให้ทำ ให้โฟกัสเยอะ จริงๆไม่ถึงกับเกเรนะ ก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วๆไป คือเราโฟกัสหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเรียน เพื่อนฝูง ทำให้ฟุตบอลมันดรอปลงไปแบบไม่รู้ตัว” สุมัญญา เปิดฉากเล่า

อย่างไรก็ตามหลังจากต้องแยกทางจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าตัว กลายเป็นนักเตะจอมพเนจร ที่ย้ายไปร่วมทีมทั้ง ชัยนาท ฮอร์นบิล, สุพรรณบุรี เอฟซี แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาพีคอย่างที่ตั้งใจ ก่อนจะย้ายมาร่วมชายคา “แข้งเทพ” กระทั่งฤดูกาล 2018 เจ้าตัวกลับมาระเบิดฟอร์มแจ่มได้อีกครั้ง

“จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เรากลับมาโฟกัสฟุตบอลแบบจริงๆจังก็น่าจะเป็นพอเราผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว กิจกรรมต่างๆในชีวิต ทั้งการเรียน และอื่นๆมันเริ่มตกไป ไม่มีอะไรให้ต้องคิด เหลือแต่ฟุตบอล ทำให้เรากลับมามุ่งแต่ฟุตบอลอย่างเดียว ยอมรับนะว่ามันไม่ได้กลับมาเปรี้ยงเลย มันใช้เวลาหลายปีทีเดียว”

แต่อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่ขาดไม่ได้ เจ้าตัวยอมรับว่า “น้องปอ” นุชรินทร์ เก่งกลการ ทายาทโรงงานเส้นหมี่รายใหญ่ของจังหวัดชัยนาท ภรรยาที่คบหากันมานานกว่า 5 ปี มีส่วนสำคัญไม่น้อย

“เจ้าตั๊ก” เล่าต่อไปว่า “อีกจุดเปลี่ยนหนึ่งที่ทำให้เรากลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง น่าจะมาจากภรรยา เพราะเขาเป็นคนให้กำลังใจมาตลอดระยะเวลาที่ครบกันมากว่า 5 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลานั้นผมคิดตลอดว่าเราควรจะประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งได้แล้ว เพื่อตอบแทนคนที่อยู่ข้างเรา ซึ่งหลังจากแต่งงานเมื่อปีที่แล้วผมก็ทำได้ในที่สุด ต้องขอบคุณเขาด้วยนะ”

ในวัย 30 บวกของ “เจ้าตั๊ก” หลายคนมองว่าอาจจะช้าเกิดไปหรือป่าว สำหรับการกลับมาสู่จุดสูงสุด แต่สำหรับเจ้าตัวกับมองว่านี้คือวัยที่เหมาะสมแก่การกลับมาเกิดใหม่ที่สุดแล้ว

“ถามว่าช้าไปไหมสำหรับทีมชาติในวัย 31 ปี ส่วนตัวผมมองว่าไม่ช้านะ ในวัย 30 ต้นๆนี้คือจุดพีคของนักเตะหลายๆคน ที่เรียกว่า “ขิงแก่” ซึ่งจะมีความเก๋าเกม และความดุดันที่มาพร้อมประสบการณ์ แต่ถ้าช้ากว่านี้อีก 2-3 ปีก็อาจจะสายเกิดไป ส่วนตัวผมมองว่าผมยังพีคได้มากกว่านี้นะ”

อีกด้านหนึ่งของแฟนบอล เมื่อเห็นฟอร์มเจ้าตัวต่างก็อยากให้ “ราเยวัช” เปิดใจเรียกเจ้าตัวกลับมาติดทัพช้างศึกดูซักตั้ง กระทั่งล่าสุดจากการประกาศรายชื่อ 26 ขุนพลช้างศึก ทีมชาติไทย ชุดอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน ได้ปรากฏชื่อของ สุมัญญา ปุริสาย เป็น 1 ใน 26 คนด้วย ในวัย 31 กะรัต

“ถามว่าอยากติดทีมชาติไหม ความฝังสูงสุดของนักฟุตบอลทุกคนก็คงเป็นการติดทีมชาติชุดใหญ่นะ ผมเองก็เป็นนักฟุตบอลคนหนึง ต้องขอบคุณแฟนบอลทุกคน ที่ให้กำลังใจ กระทั่งผมกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ยอมรับว่าอารมณ์ในการติดทีมชาติครั้งนี้ กับครั้งแรก มันต่างกันมาก เพราะครั้งนั้นผมยังเป็นวัยรุ่น แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ผมมีประสบการณ์มากพอ และพร้อมที่จะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด หลังจากนี้ผมยังมีงานหนักรออยู่ เพราะการติดทีมชาติหนนี้เป้นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น” สุมัญญา เริ่มอธิบายต่อ

ถึงตอนนี้ในฤดูกาล 2018 เจ้าตัวสังหารให้กับ “แข้งเทพ” ไปแล้ว 8 ประตู และยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วให้เห็นสำหรับผู้ชายที่ชื่อ “สุมัญญา ปุริสาย” ส่วนในทัพช้างศึกเจ้าตัวจะได้รับโอกาสวลงสนามรือไม่นั้น ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับ “มิโลวาน ราเยวัช” เพียงผู้เดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน