เมื่อ 2 ส.ค. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 24 การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท ไทยลีก จำกัด และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนการแข่งขัน “มีต เดอะ วอร์ริเออร์ส” ก่อนเกมโตโยต้า ไทยลีก นัดที่ 26 โดยมีนายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ และ วรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นประธาน
นายพาทิศ กล่าวว่า “เกมในสัปดาห์นี้จะเป็นการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก นัดสุดท้ายก่อนเปิดทางให้ทีมชาติไทย เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ โดยทีมชาติไทยจะมีการเก็บตัวฝึกซ้อมตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. เป็นต้นไป จากนั้นจะเดินทางไปอินโดนีเซียในวันที่ 12 ส.ค.”
“ส่วนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ตอนนี้ลงแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน พอแข่งขันเสร็จจะบินไปเก็บตัวที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน เพื่อปูทางสู่การแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย และเพิ่มโอกาสในการผ่านไปเล่นฟุตบอลเยาวชน ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่ประเทศเปรู ต่อไป”
“นอกจากนี้ยังมีทีมที่กำลังลงแข่งขันฟุตบอลสี่เส้า อัลไพน์ คัพ ที่ประเทศเมียนมา ต้องขอชี้แจงว่าเป็นชุดปรีโอลิมปิกส์ เพราะนักเตะที่จะไปแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ติดทีมไปแค่ไม่ถึง 3 คน เพราะเราต้องการดูฟอร์มผู้เล่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเตะอายุไม่เกิน 21 ปี ว่าจะมีความพร้อมมากแค่ไหน และเป็นการสร้างประสบการณ์ให้นักเตะ ส่วนนักเตะที่จะไปแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ จะมีการประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการอีกครั้งเร็วๆ นี้ สุดท้ายผมต้องขอบคุณสโมสรสมาชิกทุกทีมที่ปล่อยตัวนักเตะมาร่วมทีมชาติไทย ลงแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ ผมเชื่อว่าความสำเร็จของทีมชาติไทย จะส่งผลที่ดีกลับมาสู่สโมสรในอนาคต”
ส่วนความพร้อมไทยลีกนัดสุดสัปดาห์คู่บิ๊กแมตช์วันที่ 5 ส.ค. เวลา 18.00 น. “สิงห์เจ้าท่า”การท่าเรือ เอฟซี อันดับ 3 ของตารางคะแนนจะเปิดบ้านที่แพท สเตเดียม รับการมาเยือนของ “ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าและจ่าฝูง
“เซอร์เด็จ”จเด็จ มีลาภ หัวหน้าผู้ฝึกสอน การท่าเรือ เอฟซี กล่าวว่า “ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเราเจอเกมที่หนักมาพอสมควร หลายทีมเจอปัญหาเดียวกัน ทำให้นักเตะรู้สึกแย่ทั้งร่างกายและจิตใจ การมีโปรแกรมที่ถี่ ทำให้น้องๆ มีอาการเบื่อการแข่งขัน เพราะมันค่อนข้างเยอะเกินไป นักเตะมีอาการล้าทำให้อาการบาดเจ็บตามมา กลายเป็นทำให้เกมไม่สนุก และไม่มีนักเตะที่ดีที่สุดในการลงสนาม นักเตะไม่กระหายในการลงสนามเหมือนเดิม ฟอร์ม 2-3 เกมที่ผ่านมา เรามีอาการกลัวคู่ต่อสู้ รวมถึงเราเปลี่ยนรูปแบบในการเล่นที่เราไม่ถนัด เกมเลยออกมาไม่ดี หลังจากนี้เราจะกลับมาเล่นในแบบของเราคือการบุกในแบบของการท่าเรือ”
“เป้าหมายหลังจากนี้ จะเอาปัญหามาแก้ไข รู้ว่าตอนนี้เรามีปัญหาอะไรบ้างคือนักเตะที่บาดเจ็บต้องทดแทนกัน ซึ่งเราเองยอมรับว่าเราไม่พร้อมในการเจอการแข่งขันติดต่อกัน รวมทั้งเราเองยังมีการบริหารนักเตะไม่ดีพอ หลังจากนี้มีเวลาพัก 1 เดือนเราต้องมีการปรับทีมใหม่อาจจะมีนักเตะที่บาดเจ็บกลับมาบ้าง สรุปแล้วเราต้องเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น กลับมาเล่นเกมของเราให้ได้ ตามมาตรฐานที่วางไว้ เพื่อรักษาอันดับ 3 แต่สุดท้ายแล้วเกมฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ ตอนนี้สิ่งที่เราต้องแก้คือทำยังไงให้อาการบาดเจ็บนักเตะหายเร็วที่สุด แมตซ์เมื่อวานนี้ทำให้มีน้องๆ ที่บาดเจ็บเพิ่มต้องพักอีก ถือว่าเป็นปัญหามากๆ”
“เราต้องกลับมาให้ได้ การท่าเรือไม่กลัวใครในถิ่นแพต สเตเดียมเหมือนกัน การเล่นในบ้านเราต้องทำให้ดีที่สุด ช่วงนี้อยากให้แฟนบอลเข้าใจ เพราะนักเตะมีอาการล้า เราต้องร่วมใจกันให้ได้เหมือนเดิม เพื่อสู้กันต่อ เราจะได้พักหลังจากนั้นจะกลับมาซ้อมใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้เรามีความเข้าใจกันมากขึ้นเหมือนเดิม เพราะช่วงนี้เราเหมือนไม่ได้ซ้อมกันเลย ถ้าเรามีเวลาซ้อมที่มากขึ้น อาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น เชื่อว่าเกมในบ้านอาทิตย์นี้ต้องเป็นเกมที่สนุกแน่นอน เพื่อแฟนบอล”
ด้าน สิริชัย กิโมโต ผู้ช่วยผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า “สำหรับความพร้อมในแมตช์นี้ เราโชคดีที่เกมฟุตบอลลีกเมื่อกลางสัปดาห์ไม่มีนักเตะได้รับบาดเจ็บจากเดิมที่มีมาก่อนหน้านี้ ส่วนนักเตะติดโทษแบนไม่มี เกมที่เราจะไปเยือนในวันอาทิตย์นี้ ต้องลืมผลงานที่เอาชนะการท่าเรือเมื่อกลางสัปดาห์ไปให้หมด เพราะทั้งสองทีมต่างได้รู้ข้อบกพร่องของทีมตนเองและจุดแข็งของตนเองไปแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ไปก่อนถึงแมตช์วันอาทิตย์เราต้องไปเตรียมความพร้อมของทีมและแก้ไขข้อบกพร่องทั้งหมด ผมคิดว่าทางทีมท่าเรือเอง คงกลับไปเตรียมความพร้อมให้ดีกว่าเดิมแน่นอน”
“การไปเยือนในแพท สเตเดียม ทั้งบรรยากาศแฟนบอล สนามและหลายอย่าง มันเป็นแรงกดดันให้ทีมที่มาเยือนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าใครจะไปเยือน สิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุดคือเตรียมความพร้อมของเราทั้งเกมรุกและเกมรับ ให้มีความสมดุลมากที่สุดตลอด 90 นาที”
