การแข่งขันกีฬาเยาวชนห่างชาติ ครั้งที่ 33 “ชุมพร-ระนองเกมส์” เมื่อวันที่ 25 มี.ค. มีการชิงชัยมากถึง 111 เหรียญทอง ไฮไลต์อยู่ที่ ฟุตบอล ชาย “เจ้าภาพ” ชุมพร ที่ส่วนใหญ่เป็นนักเตะเยาวชนของทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ และแข้งท้องถิ่นดาวรุ่งจาก อ.สวี ลงสนามพบกับ สมุทรปราการ ขนนักเตะจาก รร.ราชวินิต บางแก้ว ลงสนาม ตลอดทั้งเกมต่างฝ่ายต่างพยายามเปิดเกมรุกใส่กันอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาด ครบ 90 นาที เสมอกันไป 0-0 ต้องตัดสินหาทีมแชมป์ด้วยการยิงจุดโทษ ปรากฏว่า สมุทรปราการ ยิงแม่นกว่าเอาชนะ 5-3 คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 2 โดยนักเตะยอดเยี่ยม ได้แก่ สุรเชษฐ วงศาพรหม (สมุปราการ) และผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม ได้แก่ ศักดิ์ดา สุขสวัสดิ์ (สมุทรปราการ)

 

ส่วน ทีมหญิง รอบชิงชนะเลิศ ขอนแก่น รองแชมป์เก่า เร่งเครื่องยิงแซงเอาชนะ ชลบุรี 2-1 โดยชลบุรีพังประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 3 จากภานุมาศ นวลใส แต่ถัดมาแค่ 2 นาทีขอนแก่นยิงตีเสมอทันควัน 1-1 จากกัญชลิญา พิมพะบุตร ก่อนที่นาที 85 ขอนแก่นได้ประตูชัยจากขวัญจิรา งอกวงค์ทำให้แข้งสาวขอนแก่นคว้าแชมป์ไปครอง ส่วน นักเตะยอดเยี่ยม ทีมหญิงได้แก่ รัชพรรณ กิติราช (ขอนแก่น) และผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม ได้แก่ ชีวธันย์ เครือวัลย์ (ชลบุรี)

 

ฟุตซอล รอบชิงชนะเลิศ ทีมชาย สมุทรสาคร ชนะ ตาก 4-2 โดยสมุทรสาครยิงได้จากศิวกร จงกลฐากร ซัดแฮตทริคนาทีที่ 18, 32, 37 และณัฐพงษ์ จำปามูล นาทีที่ 38 ขณะที่ตากยิงได้จากณัชพล บุญนาค ซัด 2 ลูกในนาทีที่ 38 ทำให้สมุทรสาครครองแชมป์ ขณะที่ทีมหญิง กทม. แชมป์เก่า ถล่ม ขอนแก่น 6-1 โดยดาหน้ายิงจากนฤมล จันดาเวียง นาทีที่ 5, 24, ณัฐวดี ปร่ำนาค นาทีที่ 33, ลดาวัลย์ กลิ่นบุญแก้ว นาทีที่ 27, เตชินี พรหมนาค นาทีที่ 39 และชัชวัลย์ รอดทอง 34 ส่วนขอนแก่นตีไข่แตกจากสุนิสา ลมงาม นาทีที่ 10 ทำให้แข้งสาวเมืองกรุงป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย

 

แบดมินตัน รอบชิงชนะเลิศ กทม.กวาด 4 แชมป์จากชายคู่ กิตติธัช เชยกลิ่นเทศ และวิภู อินทร์แก้ว ชนะ ปัณฑ์ธร แสงวณิช และวีรภัทร ภาคจรุง จาก กทม.เช่นกัน 2-1 เกม 23-21, 17-21, 21-17 หญิงคู่ สรัลชนา ชัยกิติวัฒน์และธนัชพร ดำรงธรรมวุฒิ ชนะ ณัฐธิดา มูลอนันต์ และยมลภัทร ธเนศอนุกุล(สมุทรปราการ) 2-1 เกม 21-19, 18-21, 21-8คู่ผสม พงศกร ทองคำ และณฐกร ใจอารีย์ชนะ วีรภัทร ภาคจรุง และศรารัตน์ เซื้อบ่อคาจาก กทม.เช่นกัน 2-1 เกม 22-20, 13-21, 21-17 และยุวชน ชายเดี่ยว ภูริธัช อารีย์ ชนะ ธัชพล จำนง 2-0 เกม 21-13, 21-6
ขณะที่ชายเดี่ยว ยศกร นวลหนูปล้องของเจ้าภาพร่วม ระนอง โค่นชนะ อัยการ โพธิ์พืช (กทม.) 2-1 เกม 21-15, 19-21, 21-19 ส่วนหญิงเดี่ยว อรณิชา จงสถาพรพันธุ์(ราชบุรี) ชนะ บัณทิตา ขำสายทอง (นนทบุรี) 2-0 เกม 21-18, 21-14 ด้านยุวชน หญิงเดี่ยว มิ่งมุก เมียร์แมน (เชียงใหม่) ชนะ พรณิชา สุวัฒโนดม (นครราชสีมา) 2-0 เกม 21-16,21-13

 

เทควันโด สมุทรปราการคว้า 2 ทองส่งท้ายจากรุ่น 68 กก.ชาย กฤติน เถื่อนยัง ชนะผ่าน กรัดดาฟี่ แก้วกำพล (ชุมพร) และรุ่น 59 กก.หญิง ลลนา ใจปลื้มบุญ ชนะ รัตติกาล ปิงวงศ์ษา (ชลบุรี) 3-2 ส่วนต่อสู้ทีมหญิง 5 คน กทม. ชนะ สุพรรณบุรี 31-23 คว้าทอง สรุปผลงาน กทม.ครองเจ้าเทควันโดโดยคว้าเหรียญมากที่สุด 7 ทอง 2 เงิน 3 ทองแดง ด้านทอง พุ่มเซ่ ทีมหญิง ทอง นนทบุรี สรุปผลงานนนทบุรีครองเจ้าพุ่มเซ่โดยคว้าเหรียญมากที่สุด 4 ทอง

 

มวยไทยสมัครเล่น สุราษฎร์ธานี คว้า 3ทองจากรุ่นพินเวท 45 กก.ชาย จิรายุ แพเพชร,รุ่นไลท์เวท 60 กก.ชาย โอวาท เทียมยม และรุ่นไลท์เวอร์เตอร์เวท 63.5 กก.ชาย ณรงค์ชัย ไชยทอง ขณะที่ นครราชสีมา 2 ทองจากรุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก.ชาย วัธนา ปะกาเวโส และรุ่นเวลเตอร์เวท 67 กก.ชาย สุทธิศักดิ์ ดอกคำ

 

ส่วนแชมป์รุ่นอื่น ดังนี้ รุ่นเปเปอร์เวท 42 กก.ชาย ไชยวัฒน์ พรมแก้วพันธ์ (นราธิวาส), รุ่นไลฟ์ฟลายเวท48 กก.ชาย อาแมน เพ็งไทร (สตูล),รุ่นฟลายเวท 51 กก.ชาย สุรนาท สุมี(ลำพูน),รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก.ชาย สุทธิพงษ์ มูลสาร (ยโสธร) และรุ่นไลท์มิดเดิลเวท 71 กก. ภควัตร เกสรมาลา (นครศรีธรรมราช)
เทนนิส รอบชิงชนะเลิศ ชายคู่ ศุภศิษฏ์ อภิธนวิทย์ และกิติรัตน์ เกิดลาภี จากนนทบุรี หวดชนะ กษิดิศ สำเร็จ และศุภวิชญ์ แซ่อุ้ย จากสุพรรณบุรี 2-1 เซ็ต 7-6, 3-6, 12-10 ขณะที่หญิงคู่ ดลรวี ตุ้มทอง และภัท วสุรัตน์ จาก กทม. ชนะ ลักษณาวลัย อุดมศิลป์ และนรมน เตชะรุ่งโรจน์ จากนนทบุรี 2-0 เซ็ต6-3, 6-4 ส่วนคู่ผสม ธนเพชร ฉันทะ และอัญชิสา ฉันทะ จากสุพรรณบุรี ชนะ นภารัชต์ สว่างแก้ว และศุภวิชญ์ แซ่อุ้ย จากสุพรรณบุรีเช่นกันที่ขอถอนตัว

 

ซอฟท์บอล รอบชิงชนะเลิศ ทีมชาย เป็นการรีแมตช์คู่ชิงฯ ปีที่ 5 ติดต่อกัน ระหว่าง แชมป์เก่า 2 สมัยติด “หนุ่มเมืองขุนแผน”สุพรรณบุรี ปะทะกับ “ลูกพ่อแล”ชัยภูมิ ผลปรากฎว่า ชัยภูมิ ที่มีเกมตีเก็บแต้มได้อย่างต่อเนื่อง ล้างแค้นเอาชนะน็อก สุพรรณบุรี 9-2 รัน ไปในอินนิ่ง 6 ทวงแชมป์กลับมาได้สำเร็จ และถือเป็นการคว้าเหรียญทอง สมัยที่ 4 จาก 6 ครั้งหลังสุด ส่วนสุพรรณบุรี ได้เพียงเหรียญเงินไปปลอบใจ และเหรียญทองแดง เป็นของ ระยอง

 

ด้าน ทีมหญิง เป็นศึก “ดาร์บี้แมตช์ภาคตะวันออก” ระหว่าง “รองแชมป์เก่า”ระยอง พบกับ จันทบุรี ซึ่งในรอบเพจซิสเตม จันทบุรี เฉือนชนะมาได้ 10-9 รัน ส่วนครั้งนี้ปรากฎว่า แม้ทั้ง 2 ทีมจะสู้ได้อย่างสูสี แต่ ระยอง ที่มีประสบการณ์เข้าชิงฯ 3 ครั้งหลังสุด บดขยี้ล้างตาเอาชนะน็อก จันทบุรี 20-13 ไปในอินนิ่ง 6 คว้าเหรียญทอง พร้อมทวงบัลลังก์แชมป์กลับมาได้สำเร็จ และถือเป็นการคว้าแชมป์ สมัยที่ 3 ใน 6 ครั้งหลังสุด ส่วนเหรียญเงินเป็นของ จันทบุรี และเหรียญทองแดง ตกเป็นของ ขอนแก่น

 
จักรยาน เปอร์ซูท หญิง 2 กม. “บีม” ชนิภรณ์ บัตริยะ เยาวชนทีมชาติจาก กทม. คว้าทองที่ 3 ของตัวเองหลังทำเวลา 2.46.51 นาที ส่วนทอง เปอร์ซูท ทีมชาย 4 กม. เชียงราย นำโดย ธนาคาร ไชยยาสมบัติ,เฉลิมชัยบางศิริ, วชิรวิทย์ แสนคำวงศ์, ฐิติกร สมประสงค์, กิตติเดช ไชยมุสิก 4.45.84 นาที และอิลิมิเนชั่นเรส ชาย วรุตม์ แปะกระโทก(นครราชสีมา)

วันเดียวกัน ที่ รร.นานาบุรี จ.ชุมพร นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ กกท. เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 34 “น่านเกมส์” วันที่ 19-29 มี.ค. พ.ศ. 2561 และ พิธีลงนามสัญญาการเป็นเจ้าภาพ ระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทยกับจังหวัดน่าน ร่วมด้วย นายวรกิตติ ศรีทิพากร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ทั้งนี้ ในมีพิธีลงนามสัญญาจังหวัดน่าน ได้มอบเงินประกันการแข่งขัน 1 ล้านบาท ให้แก่ กกท. ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ด้วย

 

นายสกล กล่าวว่า กีฬาเยาวชนแห่งชาติเป็นการแข่งขันที่สูงที่สุดของระดับเยาวชน จังหวัดที่เป็นเจ้าภาพต้องมีความพร้อมในทุกด้าน เพราะต้องดูแลนักกีฬารวมถึงเจ้าหน้าที่จากทั่วประเทศ ที่เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันโดยการกีฬาแห่งประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณในการแข่งขันครั้งนี้

 
ด้าน นายวรกิติ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาที่สำคัญของเยาวชน นับเป็นโอกาสที่ดีของจังหวัดน่าน ที่จะได้ประชาสัมพันธ์จังหวัดให้เป็นที่รู้จักโดยมีทั้งแหล่งท่องเที่ยว แหล่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมรวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง วัดภูมินทร์ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อุทยานแห่งชาติดอยภูคา เป็นต้น สำหรับความพร้อมได้แบ่งการทำงานตั้งคณะกรรมการออกเป็น 18 ฝ่าย 1 สำนัก ด้านสถานที่พักนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จังหวัดจะจัดสถานที่พักตามรายจังหวัดและตามชนิดกีฬาแล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนเรื่องระบบการขนส่งภายในจังหวัด การรักษาความปลอดภัย การรักษาพยาบาล ก็มีมาตรการเตรียมไว้หมดแล้ว เช่นเดียวกับสนามแข่งขันมีการซ่อมแซม และปรับปรุง ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการสำรวจสภาพสนามและรับรองเรียบร้อย

 
ส่วนนายเกียรติศักดิ์ อุ่นเสียม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ เผยว่า เป็นครั้งเเรกที่ทางกกท. ส่งคณะทำงานตรวจความพร้อมของจังหวัดเจ้าภาพถึง 3 ครั้ง ส่วนชนิดกีฬาที่จัดเเข่งขัน ขณะนี้เพิ่มจาก 36 กีฬา เป็น 44 ชนิดกีฬาเเล้ว คาดว่าจะสรุปชนิดกีฬาทั้งหมดที่จัดเเข่งขันในศึกเยาวชนเเห่งชาติครั้งหน้าได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้

 

ขณะที่นายสาธิต บุญทอง นายกสมาคมกีฬาจังหวัดน่าน กล่าวว่า สำหรับการจัดเเข่งขันครั้งหน้า น่านพยายามจะจัดเเข่งขันทุกชนิดกีฬาในจังหวัด โดยน่าจะมี 2 กีฬาที่ไม่ได้จัดเเข่งขันในจังหวัด ได้เเก่ ว่ายน้ำ ซึ่งจะจัดที่เเพร่ เเละยิงปืน ซึ่งคาดว่าน่าจะจัดที่เชียงใหม่ หรือ กกท.หัวหมาก โดยงบประมาณที่จังหวัดจะใช้จัดชิงชัย เบื้องต้นวางไว้ 45 ล้านบาท

 
สำหรับการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 34 “น่านเกมส์”ใช้สัญลักษณ์การแข่งขัน คือรูปกรงจักร สีแดง ขาว น้ำเงิน หมายถึง ความร่วมมือร่วมใจ รวมพลังของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ภาครัฐและเอกชน ส่วนตัวนำโชคในการแข่งขัน เป็นรูปโคนนทิ หรือ โคอุศุภราช ชื่อเล่น “น้องนนที”

 

 

สรุปเหรียญ วันที่ 25 มี.ค. ทัพ กทม. ยึดตำแหน่งเจ้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 32 แน่นอนแล้ว แม้วันสุดท้ายยังเหลือ ชิงอีก 33 ทอง โดยคว้าไป (113-94-116) 2. นครราชสีมา (48-31-20) 3.ชลบุรี ( 41-41-45)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน