“ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์ไทยลีก 4 สมัย เสริมความแข็งแกร่งของทีมต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศยืนยันการคว้าตัว ราฟาเอล บาสโต๊ส ดาวเตะชาวบราซิล เข้ามาเสริมทัพในเลกที่ 2 เพื่อไล่ล่าแชมป์สมัยที่ 5

นายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า ตอนนี้เราได้ตัว ราฟาเอล บาสโต๊ส นักเตะที่เล่นได้ทั้งกองกลางตัวรุก และตัวริมเส้น ชาวบราซิลเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมแล้ว โดยเซ็นสัญญาระยะสั้น
“หวังว่าการคว้าตัว ราฟาเอล บาสโต๊ส เข้าสู่ทีมในครั้งนี้ จะทำให้ทีมของเราแข็งแกร่งขึ้น และมีเกมบุกที่ดุดันขึ้น เชื่อว่าจากประสบการณ์ของบาสโต๊ส ที่เคยค้าแข้งในลีกยุโรปมาแล้ว และเคยลงเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก พาทีมซีเอฟอาร์ คลูจ์ ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วนั้น น่าจะช่วยทีมของเราได้เยอะ”
สำหรับ ราฟาเอล บาสโต๊ส ถือเป็นนักเตะรายที่ 2 ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ตัวมาเสริมความแข็งแกร่งต่อจาก ศศลักษณ์ ไหประโคน ปีกซ้ายดาวรุ่ง ดีกรีทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี

ราฟาเอล บาสโต๊ส (Rafael Bastos) เกิด เมื่อ 1 มกราคม 1985 ปัจจุบันอายุ 32 ปี
เกิดที่ นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศ บราซิล
เล่นตำแหน่ง กองกลางตัวรุก หรือ ปีก
สูง 185 เซนติเมตร
ราฟาเอล บาสโต๊ส อดีตนักเตะเจ้าของค่าตัว 2,980,000 ปอนด์ หรือราว 131,120,000 บาท เมื่อปี 2013 จากการย้ายทีมจาก ซีเอฟอาร์ คลูจ์ ทีมดังจากโรมาเนีย ไปร่วมทัพ อัล นาเซอร์ ทีมดังแห่งซาอุดิอาระเบีย และเคยลงสนามฟาดแข้งกับทีมดังของโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

นักเตะวัย 32 ปีรายนี้เริ่มต้นการค้าแข่งกับทีมในบ้านเกิดประเทศบราซิลอย่าง ทีมบาเฮีย ปี 2007 ก็ถูก เบเลเนนส์ ทีมในโปรตุเกส ยืมตัวมาใช้งาน และมีโอกาสลงสนาม 12 เกม เมื่อเข้าสู่ปี 2008 บาสโต๊ส ก็ย้ายมาร่วมทีม ซีดี นาซิอองนาล อีก 1 ทีมของลีกสูงสุดประเทศโปรตุเกส จากนั้นในปี 2009 บาสโต๊ส ต้องเก็บกระเป๋าไปเรียกความมั่นใจในลีกสูงสุดที่บ้านเกิดอีกครั้งกับ ทีมวิคตอเรีย ก่อนจะถูกทีมในเอเชียอย่าง ฮอกไกโด คอนซาโดล ซัปโปโร

จากนั้นปี 2010 สโมสรบราก้า ยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกสดึงตัว บาสโต๊ส มาร่วมทัพ และมีโอกาสลงสนาม 8 เกม เมื่อเข้าสู่ช่วงวันที่ 1 มิถุนายน 2010 บาสโต๊ส ก็ได้รับการเซ็นสัญญาจากซีเอฟอาร์ คลูจ์ ทีมดังจากโรมาเนีย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการสู้ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก การเล่นที่นี่ทำให้ชื่อของ ราฟาเอล บาสโต๊ส เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เขาได้พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นตัวหลักของทีม และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกโรมาเนีย ได้ในปี 2011 ได้สิทธิ์ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก บาสโต๊สทำผลงานได้ดี ยิง บราก้า ทีมเก่าของตนเอง 2 ประตู ก่อนจะสร้างชื่อด้วยการทำแอสซิสต์ ให้เพื่อนร่วมทีมยิงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะได้ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยสกอร์ 1-0 ตลอดสัญญาตั้งแต่ปี 2010 – 2013 บาสโต๊ส มีโอกาสลงสนามให้ ซีเอฟอาร์ คลูจ์ 66 นัด ยิง 10 ประตู

ปี 2013 ราฟาเอล บาสโต๊ส กลายเป็นนักเตะค่าตัวมูลค่ากว่า 2,980,000 ปอนด์ หรือราว 131,120,000 บาท จากการย้ายจาก ซีเอฟอาร์ คลูจ์ ไปร่วมทัพ อัล นาเซอร์ ทีมดังแห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งก็มีโอกาสลงสนาม 20 นัด ยิง 11 ประตู
จากนั้นปี 2014 เลฟสกี้ โซเฟีย ทีมดังจากบัลแกเรีย ดึงตัวไปรวมทัพ และ2016ราฟาเอล บาสโต๊ส โยกกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดอีกครั้งกับฟิกูเรนเซ่, อเมริกา มิไนโร่ และชาเปโคเอนเซ่

ต้นปี 2017 บาสโต๊ส ย้ายมาร่วมทัพ ฮัทต้า คลับ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และย้ายมาร่วมทีมโบตาโฟโก ของบราซิล ก่อนจะตกลงเซ็นสัญญามาร่วมทัพกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในตลาดนักเตะเลก 2 ของฟุตบอลลีกไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน