คอลัมน์ สดจากเยาวชน

ณัฐนันท์ ตติยานันท์

ชั่วโมงนี้ “โปรเม”เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวไทยวัย 21 ปี เธอคือหน้าตาของประเทศไทยและเอเชียอาคเนย์ หลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก เป็นคนแรกของภูมิภาคนี้

บนตารางจัดอันดับของโรเล็กซ์ เวิลด์ แรงกิง วีเมนส์ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เอรียามีคะแนนสะสม 8.78 แต้ม ขึ้นเป็นเบอร์ 1 แทนที่เจ้าของตำแหน่งคนเดิม ลิเดีย โค จากนิวซีแลนด์ ซึ่งยึดตำแหน่งนี้มานานถึง 85 สัปดาห์

เดิมทีคนไทยต้องเฮเก้อเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้น หลังแอลพีจีเอประกาศว่าเอรียาจะได้ขึ้นตำแหน่งมือ 1 แต่สุดท้ายเป็นการคำนวณพลาด “โปรเม” ต้องอยู่อันดับ 2 ตามเดิม ซึ่งแอลพีจีเอต้องมาแถลงขอโทษในภายหลัง

ทว่าในสัปดาห์แห่งความปลื้มปีติ “โปรเม” ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อย่างเต็มภาคภูมิ รับประกันตำแหน่งมือ 1 ของโลกด้วยการคว้าแชมป์แมนูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิค ถือเป็นแชมป์แรกของเจ้าตัวในปีนี้ด้วย

“โปรเม” นับเป็นนักกีฬาหญิงไทยคนที่ 3 ที่ก้าวสู่มือ 1 ของโลกต่อจาก “น้องเมย์”รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันสาว และ “น้องณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักยิงเป้าบินสาว

ความสำเร็จของเอรียานี้ต้องบอกว่าไม่ใช่สิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ แต่เกิดจากความทุ่มเทและเสียสละของครอบครัวจุฑานุกาล ที่ยอมทุบหม้อข้าวเพื่อให้บุตรสาวเดินตามความฝัน








Advertisement

ครอบครัวจุฑานุกาลของ “โปรเม” ซึ่งประกอบด้วยคุณพ่อสมบูรณ์ คุณแม่นฤมล และพี่สาว “โปรโม” โมรียา นักกอล์ฟสาวชื่อดังของไทยอีกราย ต้องประสบภาวะวิกฤตในยุคต้มยำกุ้งจนเป็นหนี้สินมหาศาลจากการทำธุรกิจตกแต่งภายใน

ต่อมาเมื่อใช้หนี้หมดแล้ว คุณพ่อสมบูรณ์ และ คุณแม่นฤมล จึงหันมาเปิดร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟ แล้วได้เอาไม้กอล์ฟให้ลูกสาวทั้ง 2 คนไปเล่นไกลจากร้าน เพื่อไม่ให้มาซุกซนรบกวนการทำงาน นั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางกอล์ฟของ 2 โปรสาว

“โม-เม” เริ่มคุ้นเคยกับไม้กอล์ฟและหลงรักมันเข้าอย่างจัง ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อสมบูรณ์เริ่มเห็นแววในตัวลูกสาวทั้ง 2 จนต้องพร่ำสอนเรื่องกอล์ฟให้ลูกๆ กระทั่งเริ่มคิดที่จะสนับสนุนทั้งคู่อย่างจริงจัง

แต่กีฬากอล์ฟเป็นสิ่งที่สาหัสอย่างยิ่งหากหวังขึ้นเป็นโปร เพราะแค่ความเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีเงินทุนหนาพอสมควรเพื่อจัดหาอุปกรณ์ จ้างโค้ช และเดินทางไปแข่งรายการต่างๆ

ด้วยความเชื่ออย่างแรงกล้า ครอบครัวจุฑานุกาล ตัดสินใจขายบ้าน ขายรถ ขายกิจการทุกอย่าง ทุ่มเงินถึงตอนนี้รวมมูลค่าทั้งหมดเฉียด 20 ล้านบาท เพื่อให้บุตรสาวทั้ง 2 คนเดินบนเส้นทางกอล์ฟตามที่ฝัน เรียกว่าเดิมพันอนาคตเลยก็ว่าได้

ครอบครัวจุฑานุกาลจะไปไหนไปกัน เวลามีคนใดคนหนึ่งผ่านการคัดตัวเข้าแข่งขันรายการต่างประเทศ ทั้งหมดจะเดินทางไปด้วยกันเพื่อช่วยเหลือดูแลเก็บเกี่ยวประสบการณ์

เอรียาเคยกล่าวไว้ว่า “ครอบครัวเราประหยัดมากถึงขั้นไม่กินข้าวที่คลับเฮาส์ ไปกินโรงอาหารแคดดี้ 30 บาทก็อิ่มเหมือนกัน ถามว่าอายไหม ความจนไม่ใช่ความอาย ไม่เคยคิดว่ารวยอย่างเดียวทำให้ประสบความสำเร็จ แต่เชื่อว่าความ มุ่งมั่นและความตั้งใจมากกว่าที่ทำให้เราไปถึง เป้าหมาย”

เมื่อหว่านเมล็ดพืชไปแล้ว ก็ถึงคราวที่ต้นกล้าจะงอกเงยขึ้นมา เอรียาคว้าที่ 2 ในรายการจูเนียร์เวิลด์ ที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ จากนั้นคว้าแชมป์เด็กในรายการต่างๆ รวมถึงลงแข่งในรายการใหญ่ๆ จนสมาคมกอล์ฟเยาวชนแห่งสหรัฐอเมริกามอบรางวัลนักกอล์ฟเยาวชนหญิงแห่งปีแก่ “เม” ติดกัน 2 ปีซ้อนในปี 2011 และ 2012

แต่หนทางสู่โปรนั้นยากเย็นนัก ทรัพย์สินก็ร่อยหรอลงทุกทีเพราะรางวัลจากการชนะในระดับสมัครเล่นไม่อาจทดแทนเงินที่ลงทุนไปได้เลย และด้วยความที่ยังเป็นมือระดับอเมเจอร์ สองพี่ น้องจึงยังรับสปอนเซอร์ไม่ได้ นั่นคือช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่ “โม-เม” ต้องรีบเทิร์นโปรให้ได้เร็วที่สุดเพื่อพยุงครอบครัว

ต่อมาทั้งโมและเมสลับกันคว้าแชมป์รายการต่างๆ จนทั้งคู่เข้าสู่ระดับโปรได้ในปี 2012 และสิ่งที่ครอบครัวหว่านเมล็ดไว้ก็ออกผลออกดอก จากการที่เริ่มมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ทำให้ครอบครัวมีรายได้เข้ามาเพียงพอเป็นทุนรอนใช้เดินหน้าแข่งขันต่อไป

จากนั้น 2 โปรสาวต้องเจอกับขวากหนามในการดวลกับเหล่ายอดนักกอล์ฟหญิงจากทั่วโลก แต่ทั้งคู่ก็ยังประคองตัวในแอลพีจีเอทัวร์ได้อย่างมั่นคง และพัฒนาฝีมือกันขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งปี 2016 คือการแจ้งเกิดอย่างแท้จริงของ “โปรเม”

ในปีดังกล่าว เอรียากวาดได้ถึง 5 แชมป์แอลพีจีเอทัวร์ โดยเฉพาะไฮไลต์สำคัญ ที่รายการริโคห์ วีเมนส์ บริติช โอเพ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เมเจอร์ของวงการกอล์ฟหญิง “โปรเม” ทำสกอร์รวมไปได้ถึง 16 อันเดอร์พาร์ 272 คว้าโทรฟี่อย่างยิ่งใหญ่

ส่วนรายการอื่นที่คว้ามานั้น ได้แก่ โยโกฮามา ไทร์ แอลพีจีเอ คลาสสิค, คิงส์มิลล์ แชมเปี้ยนชิพ, แอลพีจีเอ วอลวิก แชมเปี้ยนชิพ และ แคนาเดี้ยน แปซิฟิก วีเมนส์ โอเพ่น ผลงานทั้งหมดทำให้ เอรียาผงาดรั้งมือ 2 ของโลกเมื่อสิ้นสุดปีดังกล่าว

เมื่อรวมกับแชมป์แมนูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิค 2017 ที่ส่งเจ้าตัวเป็นมือ 1 ของโลกนั้น ทำให้ ตอนนี้เอรียาคว้าแชมป์ในการเล่นอาชีพไปแล้ว 7 รายการ ทำเงินรางวัลไปแล้ว 3,987,753 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 139 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าสปอนเซอร์ต่างๆ อีก

หลังกลายเป็นเบอร์ 1 ของโลก นักกอล์ฟสาววัย 21 ปี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยเมต้องขอขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยทุกคนเลยนะคะสำหรับกำลังใจ เมรับรู้ได้และทุกๆ กำลังใจมีความหมายกับเมมาก เมภูมิใจและดีใจที่เป็นคนไทย และรู้สึกเป็นเกียรติทุกครั้งที่ลงแข่งในฐานะคนไทยค่ะ เมต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์ของเมทุกท่าน SCG, BETAGRO, AMAZING THAILAND, Gatorade, JDX, I fly THAI, Cotto

สำหรับการสนับสนุนเมมาโดยตลอด ขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ โม ครอบครัวเมทุกคน ที่อยู่ข้างเมเสมอมา ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่ให้ความสนใจ แล้วก็ขอโทษพี่ๆ สื่อทุกคนนะคะที่ไม่มีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามทุกคน ขอบคุณทุกๆ คนอีกครั้งจริงๆ ค่ะ หลังจากนี้เมก็จะตั้งใจซ้อม พักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมร่างกาย เพื่อเป้าหมายที่จะออกไปเล่นกอล์ฟให้มีความสุขที่สุดค่ะ ฝากเป็นกำลังใจให้นักกอล์ฟไทยทุกๆ คนด้วยค่ะ”

ขณะที่พี่สาว “โปรโม” โพสต์แสดงความยินดีกับน้องสาวสุดที่รักเช่นกัน “มันบ้าจังที่พอคราวนี้พี่ไม่ได้อยู่กับเธอ เธอกลับชนะเลิศการแข่งขัน ฮ่าๆๆ ขอส่งกอดจากที่นี่ไปให้เธอนะน้องสาว พี่ภูมิใจในตัวเธอจัง รักเธอเสมอ และขอแสดงความยินดีด้วย!!”

“โปรเม” และ “โปรโม” ทั้งคู่คือแรงศรัทธาของครอบครัว ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรอยยิ้มให้ครอบครัวจุฑานุกาล

แต่ยังสร้างรอยยิ้มและความปลื้มปีติให้ชาวไทยทั้งประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน