หลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ทำการจับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2023 รอบคัดเลือกรวมทวีป (ฟีฟ่า วีเมนส์ เวิลด์ คัพ ควอลิฟิเคชั่น อินเตอร์ คอนเฟดเดอเรชั่น) ซึ่งทีมชาติไทยจะต้องพบกับ แคเมอรูน ทีมอันดับ53 ของโลกจากโซนแอฟริกา ที่ไวกาโต้ สเตเดียม ประเทศนิวซีแลนด์ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2023 โดยผู้ชนะจะต้องเข้าไปพบกับ โปรตุเกส ทีมอันดับ 23 ของโลกจากยุโรป ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2023

สำหรับ แคเมอรูน นั้น เคยเข้ารอบสุดท้ายมา 2 ครั้ง เช่นเดียวกับไทย และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ทั้ง 2 ครั้ง ขณะที่ โปรตุเกส นั้น ไม่เคยเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงโลกได้เลย

โดยผู้สื่อข่าวสอบถาม “แนนซี่” สุนิสา สร้างไธสง วิงแบ๊กทีมชาติไทย ที่เคยได้เล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายทั้ง 2 สมัย ถึงโอกาสคว้าตั๋วไปฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก รอบสุดท้าย สมัยที่ 3 ติดต่อกัน กล่าวว่า เป็นงานที่หนักพอสมควร ต้องมีการทำการบ้านกันอย่างเต็มที่มากๆ ในรอบแรกที่ต้องเจอกับแคเมอรูน ถึงแม้ว่าไทยจะเคยเอาชนะไอวอรี่ โคตส์ มาได้ แต่ตอนนั้นทีมชาติไทยมีการเก็บตัวกันนานมาก มีเวลาซ้อมหนัก ทำความเข้าใจกัน แต่ตอนนี้เพิ่งเตรียมตัวเริ่มเข้าแคมป์ (20 ตุลาคม) ต้องดูว่าโค้ชมิโยะ โอกาโมโตะ จะวางแผนอย่างไรกันบ้าง

สุนิสา กล่าวต่อว่า หลังจากรู้ผลจับสลากก็มีน้องๆ ในทีมทักเข้ามาถามบ้าง ส่วนตัวพยายามให้กำลังใจน้องๆ อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายอีกครั้ง เพราะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ บรรยากาศต่างๆ มันสุดยอดมากจริงๆ ส่วนตัวอยากไปรอบสุดท้ายอีกครั้ง แต่อยากดันน้องๆ ให้ได้ไปมากกว่า เพราะตัวเองไปมาแล้ว 2 ครั้ง ถ้าให้ไปช่วยก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดันน้องๆ ไปให้ได้

วิงแบ๊กวัย 34 ปี กล่าวเสริมว่า เรื่องของสภาพร่างกายตอนนี้มองว่ายังไม่พร้อมเท่าไหร่ เพราะมันไม่แข็งแกร่งเหมือนช่วงที่ผ่านมา ผลมาจากที่ไม่ได้มีการเก็บตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตัวเองเคยเป็นโควิด-19 มา 2 ครั้ง รู้เลยว่าสภาพร่างกายตัวเองไม่เหมือนเดิม สำหรับผู้หญิงพอต้องพักไม่ได้เล่นเป็นเดือน กล้ามเนื้อ-ระบบหายใจ มันก็หายไปเยอะ

“ถามว่าตอนนี้วิ่งได้ไหม ยังวิ่งได้ เข้าเส้นชัยก่อนคนอื่นได้เหมือนเดิม แต่พอวิ่งเสร็จร่างกายมันเหนื่อยกว่าเดิม ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายนานกว่าเดิม” แนนซี่กล่าว

สุนิสา กล่าวปิดท้ายว่า สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คืออยากให้มีการเก็บตัวนานๆ อยากให้มีการสนับสนุนฟุตบอลหญิงมากกว่านี้ เพราะการจะไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้ มันมีหลายปัจจัยที่จะต้องใช้ร่วมกัน จริงๆ แล้วโค้ชมิโยะเป็นคนที่เก่งมาก อยากทำงาน แต่ขาดการสนับสนุนทำให้เขาทำงานได้ยาก ไม่มีเวลาได้เตรียมทีมมากเท่าไหร่

ด้าน “หนูดี” อิรวดี มาครีส กองกลางของทีม กล่าวว่า นัดแรกกับแคเมอรูนน่าจะหนักอยู่ แต่จากผลงานที่ผ่านมาเชื่อว่าการเจอกับทีมจากแอฟริกานั้นสามารถสู้ได้ เพราะตอนบอลโลกหญิง 2015 เคยชนะไอวอรี่ โคสต์ มาแล้ว แม้ว่าเรื่องร่างกายเป็นรอง แต่คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา เพราะทีมไหนก็ร่างกายใหญ่กว่าไทยเสมอ ส่วนการเจอกับโปรตุเกสคิดว่าน่าจะหนัก ทีมยุโรปแข็งแกร่ง ถึงมันจะยากแต่ยังคิดว่ามีโอกาสอยู่ ฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าหากทีมชาติไทยมั่นใจตัวเอง ก็มีโอกาสคว้าตั๋วไปรอบสุดท้ายได้








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน