หลังจากที่ “ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมถึง “กิเลนผยอง”เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด สองสโมรยักษ์ใหญ่ในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประกาศว่าจะไม่ส่งนักเตะให้ทีมชาติในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพช่วงเดือนส.ค. โดยให้เหตุผลว่าช่วงดังกล่าวไทยลีกไม่พักเบรก และไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ ที่สำคัญนักเตะที่อายุในเกณฑ์เอเชี่ยนเกมส์ล้วนเป็นกำลังสำคัญของทีมนั้น

ล่าสุด “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่าทั้งสโมสรสมาชิกและสมาคมล้วนเป็นต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย เพียงแต่บางครั้งความคิดของทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกันดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาตนอยากให้สโมสรแสดงมุมมองของตัวเองผ่านการประชุมสโมสรสมาชิกที่จัดขึ้นทุกเดือน

“ที่ผ่านเราจัดประชุมสมาชิกทุกเดือนอยู่แล้วแต่ปัญหาคือสโมสรสมาชิกไม่เคยให้ความสำคัญกับการพูดคุยในที่ประชุม ตัวแทนที่ส่งมาเป็นคนที่ไม่สามารถแสดงความเห็นอะไรได้ เพียงแค่เข้ามารับฟังข้อเสนอแล้วกลับไปรายงานผู้บริหาร เมื่อเราเสนอแนวคิดแบบหนึ่งสโมสรอาจไม่ถูกใจ ไม่เห็นด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาอย่างถูกวิธีและหาทางออกร่วมกันเมื่อสโมสรมีความเห็นแย้งผมคิดว่าควรส่งตัวแทนที่มีอำนาจตัดสินใจหรือรู้ปัญหาที่แท้จริงของสโมสร ไม่ใช่พอเราให้นโยบายไปแล้วไม่มีการโต้แย้งในที่ประชุมกลับเป็นการออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยผ่านสื่อมวลชน”

“ส่วนกรณที่เราจะให้นักเตะทีมชาติไทยเก็บตัวต่างประเทศทั้งในออสเตรเลีย และยุโรปแต่มีสโมสรไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่านักเตะเหนื่อยล้าและไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร ผมต้องอธิบายว่าเรื่องนี้เราต้องการจูงใจให้กับนักเตะว่าการติดทีมชาตินั้นคุณจะได้ไปเจอกับทีมระดับที่เหนือกว่า ได้เก็บตัวต่างทวีปสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต เพื่อให้ทุกกระหายที่จะโชว์ฟอร์มในสนามเพื่อการก้าวขึ้นติดทีมชาติ แต่เมื่อสโมสรไม่เห็นด้วยเราต้องมาคุยกันไม่ใช่วิจารณ์การทำงาน ผมรู้ว่าทุกฝ่ายต้องการพัฒนาฟุตบอลและมีความคิดของตัวเอง แต่มันจะดีกว่าถ้าทุกฝ่ายมาพูดคุยเปิดอกแนะนำหรือหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับฟุตบอลไทย” บิ๊กอ๊อด กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน