‘พิธา’ นำทีม “ก้าวไกล” ลุย พิจิตร-พิษณุโลก ฉะนโยบายทวงคืนผืนป่า ประชาชนถูกไล่พ้นที่ทำกิน เดือดร้อนหลายพื้นที่ ส่วนนายทุนกลับได้สัมปทาน ไม่ถูกทวงคืน

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวพรรคก้าวไกล พร้อมคณะร่วมเดินทางตามโครงการก้าวไกลสัญจรภาคเหนือ โดยเริ่มต้นจาก อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร จากนั้นจึงเดินทางไป อ.วังทอง และ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เพื่อรับฟังปัญหาเกี่ยวกับสิทธิที่ดินทำกินทับซ้อนแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและปัญหาจากเกษตรกรชาวสวนมะม่วง ที่ได้รับผลกระทบช่วงวิกฤติสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีนายดุษฎี บัวเขียว อดีตผู้สมัคร ส.ส.จ.พิจิตร เขต 2 พรรคอนาคตใหม่ นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เเละนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล มาให้การต้อนรับ

นายพิธา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาลงพื้นที่ จ.พิจิตร เป็นครั้งเเรกในฐานะนักการเมือง ก่อนหน้านี้เคยมาสำรวจเกี่ยวกับปัญหาที่ดินและป่าทับที่ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ปัญหาที่ดินของพี่น้องประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย โดยรวมแล้วที่ดินในประเทศไทยมีเพียง 320 ล้านไร่ แต่พบว่าส่วนราชการมีแนวเขตที่ดินตามแผนที่ต่างๆ จำนวนรวมกว่า 450 ล้านไร่ ซึ่งทับซ้อนกันเองบ้าง ทับซ้อนที่ดินทำกินประชาชนบ้าง ส่งผลให้เกิดปัญหาป่าทับในที่ดินทำกินของประชาชน นอกจากนี้ ในสมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) มีนโยบายทวงคืนผืนป่าจากนายทุนเเละคนรวย เเต่ในทางปฏิบัติกลับกลายเป็นการสนธิกำลังไล่ประชาชนในพื้นที่

“แนวทางนี้สวนกับแนวคิดผมคือ ประชาชนต้องอยู่กับป่าได้เเละต้องถามว่าทำไมการทวงคืนผืนป่าจึงไม่กล้าทวงคืนกับนายทุนที่ถือครองที่ดิน สปก. เเละบริษัทปูนซีเมนต์ที่รุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งนั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถถือครองสัมปทานคู่กับรัฐได้ เเต่ประชาชนตาดำๆ ไม่สามารถทำอะไรได้ เเม้กระทั่งผืนดินที่เป็นที่ดินทำกิน จึงสะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคม สิทธิในการทำมาหากินเป็นสิทธิของประชาชน ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ที่ดินที่ชาวบ้านถือครองมีปัญหาจำนองที่ดินไม่ได้ เนื่องจากที่ดินเหล่านั้น อยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและมีความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในโครงการทวงคืนผืนป่าของ คสช. โดยเฉพาะในพื้นที่รอยต่อ จ.พิจิตร และพิษณุโลก ที่ส่วนใหญ่เป็นสวนมะม่วง”

นายพิธา ยังได้กล่าวถึงรายละเอียดของปัญหาในพื้นที่ อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร ว่า มีปัญหาจากการประกาศผังเมืองรวมในปีพ.ศ.2560 ให้บริเวณ 11 หมู่บ้าน 3 ตำบล กลายเป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ทั้งที่มีการออกโฉนดเอกสารสิทธิไปแล้วจำนวนกว่า 1,171 ราย เป็นพื้นที่กว่า 12,534 ไร่ ทำให้การกู้เงินกับจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ถูกระงับ รวมถึงพื้นที่ที่กำลังอยู่ระหว่างขอออกเอกสารสิทธิ์ก็ถูกระงับไว้ทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งชาวบ้านหลายรายเสียเงินค่ารังวัดกับกรมที่ดินไปแล้ว

“แม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในสมัย คสช. โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในสมัยนั้นมาลงพื้นที่รับฟังปัญหาแล้ว แต่ผ่านมากว่าสองปียังไม่มีการแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย ของอ.วังทอง และอ.เนินมะปราง ที่เคยมีนโยบายจัดสรรที่ดินเป็นนิคมสหกรณ์ ปัจจุบันหมดอายุการเช่า 30 ปีแล้ว แต่ผ่านมาหลายรัฐบาลก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนให้ประชาชนที่เคยทำกิน ซ้ำร้ายปีนี้ชาวสวนมะม่วงยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 หลังปิดประเทศ เป็นเหตุให้สินค้าทางเกษตรล้นตลาดไม่สามารถจำหน่ายได้ ซึ่งการชดเชยเงินเยียวยาจากภาครัฐก็ไม่ได้เป็นไปอย่างทั่วถึง”

นายพิธา ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนความอยุติธรรมของวิธีคิดเรื่องนโยบายที่ดินของรัฐบาลที่ผิดฝาผิดตัว ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำในสังคม พรรคก้าวไกลจะนำปัญหาเหล่านี้ของประชาชนในพื้นที่ไปผลักดันต่อในคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากร ธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่จากธนาคารการเกษตรเพื่อสหกรณ์ มาชี้เเจง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับการรับฟังปัญหาจากเกษตรกร ชาวสวนมะม่วง นายพิธา กล่าวว่า เคยนำประเด็น การรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ GAP ไปอภิปรายให้สภาได้รับทราบ ทำให้ต่อมาสำนักนายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาด้วยการออกใบรับรองสีชมพู ให้แก่ อ.เนินมะปราง และจ.จันทบุรี แต่ผ่านไปหนึ่งปีมีปัญหาใหม่เข้ามาสถานการณ์ด้านโควิด ทำให้การค้าระหว่างประเทศดำเนินไปอย่างไม่ปกติ ผลผลิตทางเกษตรชนิดอื่นๆ ได้แก่ มัน ข้าว และลำไย ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล เเต่ก็เป็นคำถามว่าทำไมเกษตรกรมะม่วงกลับไม่ได้รับการเยียวยา

“อ.เนินมะปราง และ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ปลูกมะม่วงมากกว่า 200,000 ไร่ แต่ขาดเอกสารสิทธิ์ ในอดีตผลผลิตต่อไร่อาจจะได้มากกว่าในปัจจุบัน จึงต้องขอให้ภาครัฐนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา เเละยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร สำหรับการประกันราคาที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยที่ต้นทุน ผลผลิต เเละการแปรรูป เทคโนโลยีเกี่ยวกับการเกษตรยังจำเป็นมากต่อวงการเกษตรในบ้านเรา ซึ่งปัญหาไม่มีโรงงานแปรรูปก็มาจากปัญหารัฐราชการรวมศูนย์ที่ไม่กระจายอำนาจ จึงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยตามมา”

“กรณีนี้จะเร่งนำเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมาธิการการเกษตร เเละคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อเป็นการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นได้พัฒนา สร้างความเจริญเเละเกิดเศรษฐกิจจากคนในพื้นที่ เราต้องเยียวยาทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง เเละระยะยาว ทั้งในเรื่องราคามะม่วง การส่งออกเเละการแปรรูปมะม่วงเพื่อสร้างความมั่นคงให้เกษตรกรในพื้นที่ ในวันนี้ผมมาเอาการบ้าน คือปัญหาของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปแก้ไขเเละผลักดันตามกลไกของรัฐสภา”

นายพิธา กล่าวอีกว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับจังหวัดพิษณุโลก เช่นเดียวกับที่พี่น้องประชาชนไว้วางใจให้คะเเนนเลือกพรรคก้าวไกลจำนวนกว่า 90,000 คะเเนน จนได้ทั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เเละ ส.ส.แบบเเบ่งเขต ที่ล้มแชมป์นักการเมืองชื่อดังในอดีตได้ จะนำปัญหาเหล่านี้จากพื้นที่ประสานต่อไปยังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนในเรื่องการเมืองท้องถิ่น พรรคก้าวไกลมองว่ามีความสำคัญมากต่อการพัฒนา ซึ่งจำเป็นต้องมีการกระจายอำนาจรัฐให้มากขึ้น

ด้านนายปดิพัทธ์ ส.ส.พิษณุโลก เขต1 กล่าวว่า การมาพื้นที่ อ.วังทอง เเละอ.เนินมะปราง ทำให้ได้รับทราบถึงปัญหางบประมาณเพื่อสร้างโรงงานแปรรูป รับปากว่าช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้จะนำเรื่องดังกล่าวเเละปัญหาต่างๆ เข้าไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกคนใหม่ และจะนำปัญหาไปผลักดันต่อในสภา เพื่อให้ความฝันของประชาชนเกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะเรื่องของการเปิดเขตพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จ.พิษณุโลก หรือการเปิดเขตเศรษฐกิจพัฒนาภาคเหนือตอนล่าง ที่จะเป็นประตูส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ได้หยุดชะงักไปเพราะสถานการณ์โควิด นอกจากนี้ยังต้องฝากเรื่องของการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ธ.ค.63 ที่จะเป็นกุญแจในการปลดล็อกการกระจายอำนายรัฐรวมศูนย์ให้คืนอำนาจสู่ท้องถิ่น ครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่าอำนาจของประชาชนอยู่มือของท่านเเล้ว

ขณะที่ เกษมสันต์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นลูกหลานชาวพิษณุโลก ตนได้ขับเคลื่อนนโยบายด้านต่างๆให้กับชาวพิษณุโลก โดยทีมงานได้รวบรวมข้อมูลในพื้นที่ อาทิ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพื่อเป็นหลักฐานสนับสนุนในการต่อสู้ให้ประชาชนได้รับเอกสารสิทธิที่ดิน และได้ผลักดันในคณะกรรมาธิการที่ดินฯ รวมถึงคณะอนุกรรมาธิการอีก 3 คณะ เพื่อแก้ไขเเละยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรพิษณุโลกให้ดีขึ้นต่อไปในระยะยาว

สำหรับเวทีการรับฟังปัญหาประชาชนของพรรคก้าวไกล มีประชาชนจาก ต.หนองจั่ว อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร และ ต.พันชาลี อ.วังทอง รวมถึงกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงส่งออก ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เข้าร่วมรับฟังและสะท้อนปัญหามากกว่า 500 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเอง หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมทีมงานร่วมรับประทานอาหารร่วมกันและเดินชมตลาดเนินมะปราง โดยในวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) ก้าวไกลสัญจรจะเดินทางต่อไปยัง จ.เชียงราย เพื่อรับฟังปัญหาเกษตรกรชาวสวนกาแฟบ้านผาฮี้ อ.แม่สาย ปัญหาราคาข้าว และปัญหาราคาสับปะรด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดเชียงราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน