เพื่อไทย ยก 5 จุดอ่อน อัดรัฐไร้นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น แนะ “ประยุทธ์-ประวิตร” หยุดทำร้ายประเทศไปมากกว่านี้

เมื่อวันที่ 27 ก.ย.65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคพท.กล่าวว่า ในภาคการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นที่จะถึงนี้ถือได้ว่าเป็นฤดูเก็บเกี่ยวรายได้ของเครื่องยนตร์เศรษฐกิจตัวนี้ เป็นเรื่องดีที่ ททท.เตรียมจัดแคมเปญ “Always Warm” มุ่งทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวระยะไกลจายุโรป แคมเปญ “ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย” การกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่าง “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย” การขยายระยะเวลาพำนักในไทย การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบตามที่พรรคพท.เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ และมาตรการอื่นๆ ที่จะตามมา แต่หากกลับไปดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเหล่านี้ พบว่ายังไม่เป็นรูปธรรมและยังมีน้อยเกินไป แสดงถึงความไม่พร้อมของรัฐบาล

นายจักรพล กล่าวว่า พรรคพท.ขอชี้จุดอ่อนของรัฐบาลที่ไร้น้ำยาตั้งแต่การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนมาถึงรักษาราชการแทนนายกฯ อย่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากการคาดการณ์ของ ททท.วางเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ฟื้นตัวกลับมา 80% ของปี 2562 โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1.73 ล้านล้านบาท และคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะสร้างรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท ทั้งหมดนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง หากยังมีจุดอ่อนทั้ง 5 จุด ดังนี้ 1.เป้าหมายที่ต่ำเกินไป ตัวเลขเป้าหมายนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เบาบางเกินไปอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาคธุรกิจ แรงงาน และตัวเลขทางเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเพียงร้อยละ 25 จากนักท่องเที่ยวปี 62 เท่านั้น ทั้งที่ความจริงควรเป็นร้อยละ 50 ของปริมาณนักท่องเที่ยวเดิม

นายจักรพล กล่าวต่อว่า 2.การเตรียมความพร้อมการรองรับการท่องเที่ยวฟื้นตัวที่ช้าเกินไป หากย้อนไปในอดีตช่วงการระบาดของโควิด-19 แรกๆ รัฐบาลก็จัดหาวัคซีนและทำ Sandbox สำหรับการท่องเที่ยวล่าช้า อีกทั้งเพิ่งจะมีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งที่ประเทศอื่นๆในโลกแทบจะเปิดประเทศแบบ 100% แล้ว 3.การพัฒนาการท่องเที่ยวเฉพาะหน้า ไม่เน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเฉพาะคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน รวมไปถึงบัตรคนจน ที่สุดท้ายจะเหลือเพียงแต่หนี้สาธารณะไว้ให้คนรุ่นหลังใช้หนี้ไม่รู้จบ 4.ระบบต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กระท่อนกระแท่น นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาใช้จ่ายในประเทศไทย ยกตัวอย่างกรณีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย ปฏิเสธคนอินเดียจำนวนมาก ทั้งที่นักท่องเที่ยวเหล่านี้อยากเข้ามาท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีกรณีเส้นทาง R3A โดยกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองตามชายแดนที่มีระยะเวลาทำเรื่องเข้าประเทศที่ยาวนาน และต้องเสียเวลามาสอบใบขับขี่ใหม่ ทั้งที่เข้าขับรถมาจากจีน สปป.ลาว แต่พอจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยกลับเสียเวลาที่ด่านเป็นวันๆ รัฐบาลควรคิดให้ครบวงจร ไม่ใช่เพียงขายผ้าเอาหน้ารอด 5.ปัญหาเรื่องสินเชื่อที่ไม่เข้าถึงผู้ประกอบการทุกกลุ่ม เนื่องจากมีเงื่อนไขมากมายทำให้ผู้ประกอบการล้มหายไปมากขึ้น

นายจักรพล กล่าวอีกว่า นี่คือจุดอ่อนที่รัฐบาลต้องยอมรับและปรับปรุงตัวเอง แต่ประชาชนอย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะพรรคพท.ได้เตรียมนโยบายรับมือไว้แล้ว ทั้งการแก้ไขปัญหาทางโครงสร้าง การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลกทางเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ ความรู้ เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ในประเทศควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น ศูนย์กลางความร่วมมือเอเชีย (ACD) หรือยุทธศาสตร์ ACMECS, พัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 3 ลุ่มแม่น้ำ (อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่น้ำโขง) ต่อยอดด้วยกระบวนการกรุงเทพฯ (Bangkok process) เป็นต้น นี่คือตัวอย่างของวิสัยทัศน์ในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียนและเอเชีย โดยมีประเทศไทยเป็น 1 ในผู้นำทัพ พรรคพท.เชื่อว่ามาตรการและนโยบายทั้งหมดจะทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยกลับมายืน 1 อีกครั้ง ที่ผ่านมาประชาชนเห็นแล้วว่ากระบวนการคิด ตรรกะของรัฐบาลนั้นล้มเหลวและป่วยขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงการท่องเที่ยว แต่การบริหารด้านอื่นๆ ก็แทบจะเป็นนโยบายระยะสั้นเกือบทั้งหมด คิดเพียงแค่กระตุ้นแต่ไม่สามารถคิดนโยบายในระยะยาวได้เลย ตนขอเป็นตัวแทนของพรรคพท.ในการเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านการบริหารประเทศที่จะนำไปสู่รัฐล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร หยุดทำร้ายประเทศไทยไปมากกว่านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน